กระดานสุขภาพ

สอบถามเรื่องลักษณะอาการของโรคเริมครับ
Anonymous

9 มิถุนายน 2559 10:03:08 #1

** เมื่อต้นปีในช่วงเดือนมกราคมผมได้มีเพศสัมพันธ์กับแฟน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีกันปกติ ซึ่งคบกันมาเกือบจะ 6 ปีแล้วครับ แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกันไปๆ มาๆต่างจังหวัด ซึ่งเดือนนึงจะเจอกันสัก 2-3 วัน และช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์ครับ **

แต่ช่วงหลังปีใหม่ที่ผ่านมา (ผมขอเปรียบเทียบเป็นวันเลยนะครับเพื่อให้คุณหมอได้วิเคราะห์ง่ายขึ้น) เมื่อวันจันทร์ได้มีเพศสัมพันธ์กับแฟนตามปกติเมื่อเสร็จแล้วก็ล้างด้วยน้ำเปล่าก็ไม่มีอาการใดๆ เมื่อตื่นเช้ามาในวันอังคารก่อนไปทำงานใช้สบู่ที่ได้มาจากโรงแรมแห่งหนึ่งล้างทำความสะอาดร่างกายและที่อวัยวะเพศ แล้วก็ออกไปทำงานแต่หลังจากนั้นมีอาการแสบและระคายเคืองที่อวัยวะเพศรวมถึงบริเวณง่ามขาและทั่วร่างกายครับ เมื่อเลิกงานกลับมาที่บ้านผมจึงเปิดดู ก็ไม่พบว่ามีรอยแผลแต่อย่างใด จึงลองเอามือถูๆ บริเวณที่แสบดู แล้วก็อาบน้ำตามปกติ จากนั้นในคืนวันอังคารผมได้ทำการช่วยตัวเองโดยการเอาอวัยวะเพศเสียดสีกับหมอนข้างโดยใส่กางเกงไว้ จนสำเร็จความไคร่เป็นจำนวน 2 ครั้งโดยที่ไม่ได้ล้างและปล่อยให้อซูจิเลอะกางเกงครับแล้วก็นอน จากนั้นเมื่อกลางดึกรู้สึกแสบที่อวัยวะเพศอีกครั้ง แล้วเมื่อมาในเช้าวันพุธก็พบว่าที่ หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศมีแผลคล้ายกับร้อนในครับ

ภาพที่เป็นครั้งแรกครับ

http://haamor.com/media/images/webboardpics/b0603-29056-1.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/b0603-29056-2.jpg

** ตอนแรกคิดว่าเป็นเริมก็เลยไปซื้อยาที่ร้านขายยามาทาครับ ทาได้สัปดาห์กว่าๆ ก็ไม่ดีขึ้น ก็เลยไปหาหมอกามโรคแต่หมอไม่ได้ขอดูแผลครับ ผมก็เล่าอาการให้ฟังอย่างละเอียด หมอก็สันนิฐานว่าอาจจะเกิดจากการเสียดสีจึงได้ฉีดยาแก้อักเสบให้ที่ก้นและให้ยาทาที่เป็นแบบขี้ผึ้งมาให้ทา จากนั้นเมื่อทาได้ประมาณ 3 วันก็ดีขึ้นและแผลเล็กลงจนหายครับ ** ผมทายาและก็ได้มีเพศสัมพันธ์กับแฟนแต่ใส่ถุงยางครับ เมื่อเสร็จผมก็เปิดที่หนังหุ้มปลายดูพบว่า มีผื่นแดงขึ้นประมาณ 2-3 เม็ดบริเวณเหนือแผลเดิมตรงรอยพับของหนังหุ้มปลายและวันต่อมาเกิดแผลที่ใหญ่กว่าเดิมขึ้น เป็นอยู่ประมาณ 1 สัปดาห์แผลก็เริ่มดีขึ้น ผมจึงไปหาหมออีก รพ. หนึ่ง หมอได้เปิดดูแผลแล้วก็ให้ผมตรวจเลือดเพื่อหาซิฟิลิสครับ

** หลังจากนั้นผมก็มีเพศสัมพันธ์กับแฟนปกติในช่วงหลังสงกรานต์ 14 เม.ย แต่สิ่งที่พบคือผมและแฟนแพ้สบู่ที่ซื้อมาใหม่และมีอาการแสบมากที่บริเวณราวนมของแฟน และง่ามขาของผม หลังจากนั้นวันที่ 15 ผมก็ได้ไปเล่นสงกรานต์ตามปกติ และในเช้าวันที่ 16 ผมก็ได้มีเพศสัมพันธ์อีกครั้ง แต่ไม่ได้ล้างทำความสะอาดหลังจากเสร็จแล้ว ผมได้ไปล้างรถและทำความสะอาดบ้าน หลังจากอาบน้ำเสร็จผมพบว่าที่หนังหุ้มปลายเกิดแผลจำนวน 4 ตุ่มเล็กๆ บริเวณข้างๆ รอยแผลเป็น และด้านข้างของหนังหุ้มปลาย ผมจึงได้ไปหาหมอที่คลินิคกามโรค ท่านขอดูแผลและวินิจฉัยว่าไม่น่าจะเป็นเริม น่าจะเกิดจากการแพ้สารเคมีหรือการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง

ภาพแผลที่เกิดอีกครั้ง

http://haamor.com/media/images/webboardpics/b0603-29056-3.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/b0603-29056-4.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/b0603-29056-5.jpg

**ซึ่งตลอดเวลาที่เป็นแผลในครั้งแรกผมจะสังเกตุที่หนังหุ้มปลายตลอดเวลาว่าเกิดตุ่มน้ำหรือไม่ ตลอดจนเวลาอาบน้ำด้วยครับ ยอมรับเลยว่าเฝ้าระวังสังเกตุอาการของเริมตลอดเวลา และก็มีช่วยตัวเองบ้างในบางวันครับ และเช็ดทำความสะอาดทุกครั้งก็ปกติ

หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 2 มิย. ที่ผ่านมาผมได้ทำการช่วยตัวเองโดยการเอาอวัยวะเพศไปถูกับหมอนข้างและสำเร็จความไคร่ใส่กางเกงโดยไม่ได้ล้างเหมือนเดิมครับ แต่รู้สึกว่าปวดที่อวัยวะเพศเวลาแข็งตัวมาก จากนั้นเช้ามาผมก็พบว่า ที่หนังหุ้มบริเวณใกล้เคียงกับรอยแผลเป็นมีตุ่มสีแดงขึ้นประมาณ 4 ตุ่มครับ ผมจึงไปคลินิคกามโรคอีกครั้ง และหมอก็ดูแผลแล้วให้ยาแก้อักเสบมาทานได้ 3 วันอาการก็ดีขึ้นครับ

** ผมสงสัยว่าผมจะเป็นเริมจริงหรือไม่ครับ เพราะจากที่สังเกตุมาผมทำความสะอาดอวัยวะเพศทุกครั้ง และทุกครั้งที่เป็นแผล ไม่มีตุ่มน้ำใสๆ ของโรคเริมสักครั้งเลยครับ รบกวนคุณหมอช่วยวินิจฉัยด้วยครับ

อายุ: 25 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 62 กก. ส่วนสูง: 170ซม. ดัชนีมวลกาย : 21.45 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

10 มิถุนายน 2559 08:58:42 #2

จากประวัติที่เล่ามาและจากรูปที่ส่งมาซึ่งชัดมาก เป็นแผลเริมครับ ตามทีีเล่าคือเดือนมกราคมน่าจเป็นครั้งแรก ต่อมาก็มีการเป็นซ้ำ ซึ่งการเป็นซ้ำน่าจะมาจากการ่วมเพศหรือการช่วยตัวเอง ส่วนที่ไม่เห็นตุ่มน้ำ เพราะตุ่มน้ำจะแตกเร็ว จึงเห็นเป็นแผลตื้นๆขนาดเล็กๆตามรูปที่ส่งมา อธิบายเพิ่มเติมว่าเริมเป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 5 -10 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล เจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไป แฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง สำหรับเรื่องการติดต่อนั้นโดยทั่วไปแล้ว จะติดต่อกันได้ง่ายขณะที่มีรอยโรค เช่น ตุ่มน้ำ หรือขณะที่มีแผล อย่างไรก็ตามมีการศึกษาที่ประเทศอเมริกาพบว่า อาจพบเชื้อไวรัสจากสารคัดหลั่งหรือเมือกบริเวณอวัยวะเพศได้แม้ไม่มีอาการแสดงของตุ่มน้ำหรือแผล เป็นไปได้ว่าอาจมีแผลที่ปากมดลูก หรือในช่องคลอดหรือในท่อปัสสาวะซึ่งไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากภายนอก โดยพบประมาณ 10% ของจำนวนวัน คือใน 1 ปีอาจพบได้ 36 วัน ในขณะที่ถ้ามีรอยแผลจะพบ 21% คือ 77 วัน เพราะฉะนั้น โอกาสที่จะติดเชื้อเริมจากคนที่เคยเป็นเริมมาก่อนก็เป็นไปได้แต่จะน้อยกว่าการติดเชื้อขณะที่มีตุ่มน้ำและเป็นแผล

Anonymous

10 มิถุนายน 2559 10:53:15 #3

รบกวนสอบถามเพิ่มเติมในส่วนที่ผมสงสัยมากครับ

** คือ ระยะฟักตัวก่อนที่จะเกิดแผลในครั้งแรกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ในคืนวันจันทร์ แล้วมีอาการแสบๆ ในคืนวันอังคารพอตื่นมาในเช้าวันพุธก็พบแผล รวมเวลาประมาณ 30 ชั่วโมงครับ ** จึงไม่แน่ใจว่าเป็นเริมจริงหรือไม่เพราะจากที่ดูในหลายๆ กระทู้จะเกิดหลังมีความเสี่ยง 5-10 วัน แต่อันนี้มันเกิดเพียงระยะสั้นๆ ครับ

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

13 มิถุนายน 2559 03:27:52 #4

ระยะฟักตัวของเริมอยู่ที่5-10 วันโดยเฉลี่ย แต่ก็สามารถเป็นได้เร็วหรือช้ากว่าได้ ในกรณีของคุณประมาณ 1-2 วัน ก็ถือว่าสามารถติดเชื้อเริมและมีอาการได้ รูปที่ส่งมาต้องบอกว่าชัดเจนมากและจากประวัติสามารถสรุปได้ว่าเป็นเริมครับ