กระดานสุขภาพ

เป็นโรคไรเหรอครับ
Chai*****s

7 มิถุนายน 2559 12:30:35 #1

คือผมพึ่งมีเพศสัมพันกับแฟนมาแบบไม่ได้ใส่ถุงอ้ะครับไม่มีอาการเหมือนผื่นขึ้นที่ปลายอวัยวะเพศไม่คันไม่แสบไม่ปวดอ้ะครับบตอนนนี้กังกลกลัวผมจะเป็นเริมอ้ะครับ
อายุ: 21 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 87 กก. ส่วนสูง: 178ซม. ดัชนีมวลกาย : 27.46 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

9 มิถุนายน 2559 03:29:05 #2

ถ้าทั้งตัวคุณและแฟน ต่างก็ไม่มีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ คือ ไม่ได้มีเพศสัมพันธุ์กับคนอื่นหรือมีก็ใช้ถุงยางทุกครั้ง อาการที่เล่ามาน่าจะเกิดจากการระคายเคืองสารที่มาสัมผัส เช่น สบู่ เจลอาบน้ำ น้ำยต่างๆที่ใช้บริเวณนี้ ร่วมกับความอับชื้น จึงเป็นจุดแดงๆและอาจมีเชื้อราร่วมด้วย แนะนำให้ทำความสะอาดด้วยสบู่อ่อนๆ เช่นสบู่เด็ก ล้างเบาๆแล้วซับให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆ ทายาที่มีส่วนผสมของยาแก้แพ้ชนิด triamcinolone 0.02% + ยาเชื้อรา clotimazoleทาบางๆ เช้าและก่อนนอนหลังอาบน้ำ น่าจะดีขึ้นใน 5-7 วัน ในกรณีที่เป็นบ่อยอาจต้องระวังความอับชื้นและงดใช้สารที่สงสัยว่าจะแพ้และถ้าหนังหุ้มยาวเกินไปอาจต้องขลิบเพื่อให้ทำความสะอาดง่ายและไม่อับชื้น การขลิบหนังเป็นการทำศัลยกรรมที่ถือว่าไม่ซับซ้อน แพทย์ศัลยกรรมทั่วไปทำได้ครับ ต้องมีการฉีดยาชา ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงน่าจะเสร็จ ถ้ารักษาแผลให้ดี ประมาณ 2 อาทิตย์ แผลก็จะหายดี ส่วนแฟน ถ้ามีอาการตกขาว คันในช่องคลอด ก็อาจเป็นเชื้อราด้วย ในกรณีนี้แนะนำตรวจภายใน ถ้าเป็นเชื้อราก็รักษาโดยใช้ยากินหรือยาสอดช่องคลอด ส่วนที่กลัวว่าจะเป็นเริม จะต้องมีการติดต่อจากคนที่เป็นอยู่ก่อน ถ้าแฟนไม่เคยเป็นเริมและคุณไม่ได้มีความเสี่ยงกับคนอื่น ก็ไม่น่าจะเป็นเริม อธิบายเพิ่มเติมว่า เริมเป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 5 -10 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล เจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไป แฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง สำหรับเรื่องการติดต่อนั้นโดยทั่วไปแล้ว จะติดต่อกันได้ง่ายขณะที่มีรอยโรค เช่น ตุ่มน้ำ หรือขณะที่มีแผล อย่างไรก็ตามมีการศึกษาที่ประเทศอเมริกาพบว่า อาจพบเชื้อไวรัสจากสารคัดหลั่งหรือเมือกบริเวณอวัยวะเพศได้แม้ไม่มีอาการแสดงของตุ่มน้ำหรือแผล เป็นไปได้ว่าอาจมีแผลที่ปากมดลูก หรือในช่องคลอดหรือในท่อปัสสาวะซึ่งไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากภายนอก โดยพบประมาณ 10% ของจำนวนวัน คือใน 1 ปีอาจพบได้ 36 วัน ในขณะที่ถ้ามีรอยแผลจะพบ 21% คือ 77 วัน เพราะฉะนั้น โอกาสที่จะติดเชื้อเริมจากคนที่เคยเป็นเริมมาก่อนก็เป็นไปได้แต่จะน้อยกว่าการติดเชื้อขณะที่มีตุ่มน้ำหรือแผล โดยสรุป ขึ้นกับลักษณะของผื่นหรือแผลที่เป็น แนะนำหาหมอหรือส่งรูปถ่ายชัดๆและให้ข้อมูลทางเพศสัมพันธ์เพิ่มเติมครับ

Chai*****s

9 มิถุนายน 2559 10:22:07 #3

Chai*****s

9 มิถุนายน 2559 10:23:10 #4

นี่ครับ รูปประกอบ ขอโทษด้วยน้ะครับที่รูปไม่เหมาะสม
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

13 มิถุนายน 2559 03:30:33 #5

ดูจากรูปที่ส่งมา เห็นเป็นจุดแดงๆที่บริเวณส่วนหัวอวัยวเพศ น่าจะเกิดจากการแพ้ การเสียดสีขณะร่วมเพศและอาจจะมีเชื้อราร่วมด้วย แนะนำรักษาตามที่ไดตอบไปแล้ว ถ้าไม่แน่ใจแนะนำหาหมอครับ

Chai*****s

14 มิถุนายน 2559 08:09:55 #6

ขอบคุณคุณครับ คุณหมอ