กระดานสุขภาพ

มีเพศสัมพันธ์ตอนมีประจำเดือน จะท้องไหมคะ
Anonymous

23 พฤษภาคม 2559 14:22:36 #1

คือ มีเพศสัมพันธ์ในวันที่สองของประจำเดือนค่ะ โดยที่ประจำเดือนรอบนี้ เลื่อนมาประมาณ 11 วัน คิดว่าเป็นผลข้างเคียงจากการทานยาคุมฉุกเฉินรอบที่แล้ว อยากจะทราบว่ามีโอกาสจะท้องไหมคะ และเมื่อวันที่สามของประจำเดือนได้ไปทำการฉีดยาคุม โดยลืมบอกกับคุณหมอว่ามียาทานประจำอยู่ สองตัว คือValdoxan กับ Risperdal อยากจะถามว่า ยาสองตัวนี้จะมีผลอะไรกับยาคุมที่ฉีดไหมคะ สรุป 1. มีเพศสัมพันธ์ วันที่สองของประจำเดือน และประจำเดือนเป็นประจำเดือน ที่เลื่อนมาจากผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉิน จะมีโอกาส ท้องไหม? 2.ยา Valdoxan กับ ยา Risperdal จะมีผลอะไรกับยาคุมที่ฉีดไปไหม ขอบคุณค่ะ
อายุ: 21 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 52 กก. ส่วนสูง: 154ซม. ดัชนีมวลกาย : 21.93 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

30 พฤษภาคม 2559 04:30:25 #2

ในการมีเพศสัมพันธ์ที่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ แม้สุดท้ายจะไม่ได้หลั่งด้านใน หรือ สอดใส่ก่อนที่จะใส่ถุงยางอนามัย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้นะครับ เนื่องจากในช่วงที่มีเพศสัมพันธ์จะมีอสุจิออกมากับสารคัดหลั่งที่ออกมาในช่วงนี้ แม้ปริมาณอสุจิจะน้อย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งการที่เช็ดนำ้อสุจิหลังมีเพศสัมพันธ์หรือก่อนสอดใส่ หรือ การไปปัสสาวะก่อนที่จะร่วมเพศ ก็ไม่ได้ช่วยทำให้การตั้งครรภ์น้อยลงหรือเป็นการลดปริมาณอสุจินะครับ เพราะ อสุจิจะออกมาช่วงที่มีอารมณ์ทางเพศและช่วงสอดใส่อวัยวะเพศ แม้จะยังไม่ได้หลั่งครับ ดังนั้นในการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันนั้น มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์แน่นอนครับ ซึ่งการทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งหากอยู่ในช่วง 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ก็ควรทานยานี้นะครับ และ หากทานถูกต้อง ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพประมาณ 89 - 92 % ครับ หรือหากจะเข้าใจง่ายๆ คือ ทานยานี้ 10 คน จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 9 คนครับ ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ อย่างไรก็ตามก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยนะครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ และ หากประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปเกิน 2 สัปดาห์ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ

ส่วนยาที่กล่าวมาทั้งสองตัวนั้นเป็นยาที่อาจมีผลทำให้มีเลือดออกไม่ตรงรอบได้จากการที่ไข่ไม่ตกตามรอบ ดังนั้น การที่ใช้ยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนเป็นส่วนประกอบ อาจทำให้มีเลืดออกกะปริดกะปรอยได้แม้จะไม่ส่งผลในเรื่องระดับฮอร์โมนหรือการออกฤทธิ์ยับยั้งการตกไข่ก็ตาม แต่ก็ทำให้สับสนได้ว่าเลือดที่ออกนั้นเกิดจากอะไร ผิดปกติจากสาเหตุอื่นๆหรือไม่ ดังนั้น หากหมอจะแนะนำ หมอแนะนำให้ใช้การคุมกำเนิดด้วยห่วงอนามัยครับ เพราะจะไม่มีส่วนประกอบของฮอร์โมนครับ