กระดานสุขภาพ

จะท้องไหมค่ะ
Anonymous

15 พฤษภาคม 2559 13:57:48 #1

มีเพศสัมพันธ์กับแฟนวันที่ 31 มีนาค่ะ จากนั้นประจำเดือนมาวันที่ 8-13 เมษาค่ะ หลังจากนั้นมีอาการหน้ามืด แน่นท้อง ปวดท้องบ้างครั้ง เรอและผายลมบ่อยๆค่ะ ซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจขึ้น 1 ขีดค่ะ พอวันที่ 3 พฤษภา มีเพศสัมพันธ์กับแฟน ประจำเดือนมาวันที่ 6-11 พฤษภา วันที่ 14 พฤษภา รู้สึกมีอาการหน้ามืด เวลาได้กลิ่นแรงๆรู้สึกจะอาเจียน แต่ไม่อาเจียนนะค่ะ แน่นท้อง ท้องผูก ท้องป่องขึ้นนิดหน่อย ซื้อที่ตรวจมาตรวจอีกก็ขึ้น 1 ขีด เหมือนเดิมค่ะ วันที่ 15 พฤษภาท้องป่องขึ้นนู้นขึ้นไม่ใหญ่มาก พอเอามือไปจับรู้สึกแข็งๆ และมีอะไรเต้นอยู่ รู้สึกแน่นท้องค่ะ ไม่ถึงหนึ่งนาทีก็หาย #ปล.เป็นคนนอนดึกประมาณเที่ยงคืนถึงตี 2 ไม่ค่อยทานข้าวเช้ากับกลางวัน นานๆจะนายที ทานแต่ข้าวเย็น เกี่ยวกับที่เป็นอยู่รึเปล่าค่ะ #ปล.ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ใส่ถุงยางทุกครั้งค่ะ หลังเสร็จทุกครั้งก็ตรวจดูค่ะ ถุงยางไม่รั่ว ไม่ขาดทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ค่ะ อยากทราบว่าจะท้องไหมค่ะ กังวลมาก ขอบคุณค่ะ
อายุ: 15 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 48 กก. ส่วนสูง: 165ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.63 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

28 พฤษภาคม 2559 05:19:35 #2

หากในการมีเพศสัมพันธ์นั้นอยู่ในช่วงที่ทานยาคุมกำเนิดอยู่และทานอย่างถูกต้องสม่ำเสมอ หรือ มีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี สวมใส่ถุงยางอนามัยก่อนสอดใส่อวัยวะเพศ ถือว่า เป็นการป้องกันการตั้งครรภ์ที่มีประสิทธิภาพครับ ไม่ทำให้ตั้งครรภ์ครับ สบายใจได้ โดบไม่จำเป็นต้องทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินครับ อย่างไรก็ตามหมอขอแนะนำการคุมกำเนิดสักนิดนะครับ หากครั้งต่อๆไปมีเพศสัมพันธ์ที่อาจมีการสอดใส่อวัยวะเพศ ซึ่งการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ คือ การป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย และ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้นครับ และ เรื่องถุงยางอนามัยที่มีปัญหานั้น โดยปกติแล้วกระบวนการผลิตถุงยางอนามัยนั้น ค่อนข้างรัดกุมมากนะครับ การที่จะขาด รั่ว หรือ ปริแตกนั้นเกิดได้น้อยมากแต่หากเกิดมักเกิดจากการใช้ที่ผิดวิธีครับ ซึ่งการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องนั้น มีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และการใช้ถุงยางอนามัยซ้อนกันมากกว่า 1 ชั้นชึ้นไปนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้ป้องกันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ถุงยางมีโอกาสที่จะขาดและปริแตกง่ายขึ้นด้วยจากการเสียดสีกันเองของถุงยางอนามัยครับ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครับ ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ

อาการของการตั้งครรภ์นั้น จะเริ่มจากประจำเดือนขาดเป็นอย่างแรกเลยนะครับ ซึ่งทางการแพทย์จะนับจากรอบประจำเดือนรอบสุดท้าย ดังนั้น วันที่ประจำเดือนไม่มานั้น ก็จะเป็น 4 สัปดาห์แล้ว ส่วนอาการต่อมานั้น ก็จะมีอาการคลื่นไส้ วิงเวียน ซึ่งจะเร่ิมตอนอายุครรภ์ประมาณ 6-8 สัปดาห์ และ ช่วงนี้อาจมีอาการปัสสาวะบ่อยขึ้นได้เป็นต้นครับ ส่วนอาการที่จับรู้สึกแข็งๆ และมีอะไรเต้นอยู่ รู้สึกแน่นท้อง นั้น น่าจะคลำได้เส้นเลือดแดงใหญ่กลางตัวครับ (abdominal aorta) ซึ่งจะคลำได้ในคนที่หน้าท้องบางครับ และ ปกติแล้วหัวใจเด็กทารกจะไม่สามารถคลำและรู้สึกได้นะครับ