กระดานสุขภาพ

เป็นแผลที่หนังหุ้มอวัยวะเพศหลังมีเพศสัมพันธ์
Anonymous

19 เมษายน 2559 00:32:06 #1

เมื่อช่วงสงกรานต์ผมได้มีเพศสัมพันธ์กับแฟนประมาณ 2 ครั้ง จากนั้นผมก็ไปเล่นน้้ำสงกรานต์ แล้วได้ดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ฉี่บ่อยมาก รวมทั้งเสื้อผ้าของผมเปียกน้ำอยู่หลายชั่วโมง จากนั้นผมก็กลับมาอาบน้ำและนอนพักที่บ้าน ซึ่งได้ซื้อสบู่ยี่ห้อใหม่มาใช้แล้วรู้สึกว่าถูกสบู่กัดผิวหนังจนแสบมาก จากนั้นตื่นมาก็พบว่าที่หนังหุ้มปลายเป็นแผลแบบนี้ ซึ่งเคยเป็นมาเมื่อกลางเดือน ก.พ. มาหนึ่งครั้งแล้ว คือผมได้ไปรักษาแผลที่อวัยวะเพศ แล้วแพทย์ได้ให้ยามาทา เมื่อทาไปรู้สึกว่าแผลไม่หายแถมเป็นเหมือนครั้งนี้ครับ

// ลักษณะอาการคือ ผิวที่หนังหุ้มปลายจะแห้งๆ รู้สึกระคายเคืองหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ก่อนที่จะเป็นแผลโดยไม่มีตุ่มน้ำใสเกิดขึ้นครับ จึงอยากสอบถามคุณหมอครับว่าเกิดจากอะไรครับ

http://haamor.com/media/images/webboardpics/10663-27985-1.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/10663-27985-2.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/10663-27985-3.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/10663-27985-4.jpg

อายุ: 26 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 62 กก. ส่วนสูง: 172ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.96 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

20 เมษายน 2559 17:36:33 #2

ดูจากรูปที่ส่มา เห็นเป็นแผลเล็กๆตื้นๆ 3-4 แผลที่หนังหุ้มอวัยวะเพศ ลักษณะเหมือนเริม โดยเคยเป็นมาก่อน การเป็นซ้ำในครั้งต่อมา อาการจะไม่รุนแรง และจะค่อยๆหายเองได้ ในบางคน อาจจะไม่สามารถสังเกตุได้ว่าเป็นตุ่มน้ำใสๆก่อนเป็นแผล เพราะตุ่มน้ำอาจจะแตกก่อนที่จะเห็น ในกรณีของคุณ น่าจะเป็นเริมที่มีอาการไม่รุนแรงและเป็นซ้ำ อาจจะกินยา อะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ แผลก็จะหายเร็วขึ้น และถ้าแฟนยังไม่เป็นแผลเริม ก็อาจจะต้องะวังให้งดร่วมเพศเมื่อเริ่มมีอาการเป็นแผล สำหรับเรื่องการติดต่อนั้นโดยทั่วไปแล้ว จะติดต่อกันได้ง่ายขณะที่มีรอยโรค เช่น ตุ่มน้ำ หรือขณะที่มีแผล อย่างไรก็ตามมีการศึกษาที่ประเทศอเมริกาพบว่า อาจพบเชื้อไวรัสจากสารคัดหลั่งหรือเมือกบริเวณอวัยวะเพศได้แม้ไม่มีอาการแสดงของตุ่มน้ำหรือแผล เป็นไปได้ว่าอาจมีแผลที่ปากมดลูก หรือในช่องคลอดหรือในท่อปัสสาวะซึ่งไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากภายนอก โดยพบประมาณ 10% ของจำนวนวัน คือใน 1 ปีอาจพบได้ 36 วัน ในขณะที่ถ้ามีรอยแผลจะพบ 21% คือ 77 วัน เพราะฉะนั้น โอกาสที่จะติดเชื้อเริมจากคนที่เคยเป็นเริมมาก่อนก็เป็นไปได้แต่จะน้อยกว่าการติดเชื้อขณะที่มีตุ่มน้ำหรือแผล โดยสรุป น่าจะเป็นเริม ถ้าไม่แน่ใจแนะนำหาหมอครับ

Anonymous

27 เมษายน 2559 08:47:22 #3

ผมขอสอบถามข้อมูลจากคุณหมอเพิ่มเติมเพื่อเป็นแนวทางการรักษาครับ

1.หลังจากติดเชื้อในครั้งแรกนี้กี่วันถึงจะเริ่มแสดงอาการและแผลออกมาครับ ?

2.ในการเป็นซ้ำแผลจะขึ้นพร้อมกันในครั้งเดียวหรือค่อยๆ ทะยอยขึ้นทีวันละแผลครับ ?

3.ระยะห่างของการเกิดซ้ำของโรคใช้เวลากี่วัน จึงจะสามารถเป็นซ้ำได้ครับ ?

4.แผลเริมจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้หรือไม่ครับ ?

5.การเกิดซ้ำของโรคในครั้งถัดไปจะเกิดที่เดิม หรือว่าสามารถเกิดได้ทุกที่ในบริเวณอวัยวะเพศครับ ?

6.ยาในกลุ่มสเตียรอยที่รักษาแผลเชื้อราจะกระตุ้นให้แผลเริมเป็นมากขึ้นหรือไม่ ?

 

ผมสงสัยมากเลยครับ กังวลมาก เพราะตั้งแต่คบกันกับแฟนมาก็จะ 6 ปีแล้วไม่เคยเป็นกันเลย เลยไม่รู้ว่าเป็นอะไรกันแน่ไปคลินิคที่รักษากามโรคเค้าบอกว่าไม่เหมือนเริมครับ ซึ่งก่อนหน้านี้ผมเคยเป็นมาแล้ว หลังจากมีเพศสัมพันธ์เพียง 1 วัน ก็เกิดแผลเหมือนเป็นร้อนใน ซึ่งคืนก่อนที่จะเกิดแผลนั้นผมได้ช่วยตัวเองโดยการเอาอวัยวะเพศเสียดสีกับหมอนข้างโดยไม่ได้ถอดกางเกง 2 ครั้งโดยไม่ได้ล้างครับ จากนั้นเช้ามากก็เกิดแผลเลย

ด้านล่างคือภาพแผลครั้งแรกครับ

http://haamor.com/media/images/webboardpics/Wuttikorn-26602-1.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/Wuttikorn-26602-2.jpg

Anonymous

28 เมษายน 2559 09:44:56 #4

เพิ่มเติมจากด้านบนครับ

ผมไม่มีความเสี่ยงเรื่องเพศสัมพันธ์นะครับ แต่เคยมีอะไรกับผู้หญิงอีกคนเมื่อเดือนกรกฏาคมปีที่แล้ว จากวันนั้นถึงวันที่เกิดแผลร้อนในนี้ 6 เดือนครับ ซึ่งผมกับแฟนได้เลิกกันไปแล้วก็กลับมาคบกันใหม่ในช่วงปลายเดือนกรกฏาคมแล้วก็มีอะไรกันมาตลอดจนมาเกิดแผลนี่ล่ะครับ รบกวนคุณหมอช่วยชี้แจงให้หายกังวลทีนะครับ จะได้ป้องกันและรักษาได้อย่างถูกวิธี ตอนนี้แผลเป็นผมมีหลายที่เลยบริเวณหนังหุ้มปลายครับ