กระดานสุขภาพ

สอบถามเรื่องยาคุมฉุกเฉินคับ
Anonymous

30 มีนาคม 2559 15:08:18 #1

แฟนผมทานยาคุมฉุกเฉินครั้งแรก 18 มีนาคม แล้วมีประจำเดือนมาวันที่ 24 มีนาคม จากนั้นมีอะไรกับแฟนไม่ป้องกันแบบสอดใส่แต่ว่าไม่ได้หลั่งทั้งในและนอกเมื่อวันที่ 30มีนาคม ครับ แล้วให้แฟนทานยาคุมฉุกเฉินอีกครั้ง ไม่ทราบว่าจะมีโอกาสตั้งครรภ์มากน้อยแค่ไหนครับ แล้วประจำเดือนจะคลาดเคลื่อนไปประมาณเวลาไหนครับ

อายุ: 18 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 52 กก. ส่วนสูง: 178ซม. ดัชนีมวลกาย : 16.41 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

6 เมษายน 2559 15:20:30 #2

กรณีแรกนั้น หากเดิมเป็นคนที่ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ ตรงรอบดี ก็คาดว่าการตกไข่ก็จะตกอย่างสม่ำเสมอช่วงกลางรอบเดือน ดังนั้น ช่วงก่อนที่จะมีและหลังจากมีประจำเดือน 7 วันนั้นจะเป็นช่วงที่ไม่มีการตกไข่ การมีเพศสัมพันธ์ช่วงนี้จะไม่ทำให้ตั้งครรภ์ครับ แต่การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่ยังมีรอบประจำเดือนอยู่นั้น เป็นส่ิงที่ไม่ควรทำนะครับ เนื่องจากการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงนี้อาจทำให้ฝ่ายหญิงมีโอกาสการติดเชื้อในอุ้งเชิงกรานได้ง่ายขึ้นนะครับ ควรรอให้ประจำเดือนหายไปก่อนและคุมกำเนิดด้วยวิธีที่ถูกต้องครับ

กรณีที่สองในการมีเพศสัมพันธ์ที่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ แม้สุดท้ายจะไม่ได้หลั่งด้านใน หรือ สอดใส่ก่อนที่จะใส่ถุงยางอนามัย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้นะครับ เนื่องจากในช่วงที่มีเพศสัมพันธ์จะมีอสุจิออกมากับสารคัดหลั่งที่ออกมาในช่วงนี้ แม้ปริมาณอสุจิจะน้อย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งการที่เช็ดนำ้อสุจิหลังมีเพศสัมพันธ์หรือก่อนสอดใส่ หรือ การไปปัสสาวะก่อนที่จะร่วมเพศ ก็ไม่ได้ช่วยทำให้การตั้งครรภ์น้อยลงหรือเป็นการลดปริมาณอสุจินะครับ เพราะ อสุจิจะออกมาช่วงที่มีอารมณ์ทางเพศและช่วงสอดใส่อวัยวะเพศ แม้จะยังไม่ได้หลั่งครับ ดังนั้นในการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันนั้น มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์แน่นอนครับ ซึ่งการทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งหากอยู่ในช่วง 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ก็ควรทานยานี้นะครับ และ หากทานถูกต้อง ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพประมาณ 89 - 92 % ครับ หรือหากจะเข้าใจง่ายๆ คือ ทานยานี้ 10 คน จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 9 คนครับ ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ อย่างไรก็ตามก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยนะครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ และ หากประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปเกิน 2 สัปดาห์ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ

กรณีที่สามหากในการมีเพศสัมพันธ์นั้น มีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี สวมใส่ถุงยางอนามัยก่อนสอดใส่อวัยวะเพศ ถือว่า เป็นการป้องกันการตั้งครรภ์ที่มีประสิทธิภาพครับ ไม่ทำให้ตั้งครรภ์ครับ สบายใจได้ โดบไม่จำเป็นต้องทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินครับ ส่วนในเรื่องการใช้ถุงยางอนามัยกลับด้านนั้นและเมื่อทราบได้เปลี่ยนไปใช้อันใหม่ ก็ไม่ทำให้ตั้งครรภ์ครับ แต่หากนำมากลับด้านแล้วใส่ใหม่อีก โอกาสที่จะทำให้ตั้งครรภ์ได้ครับแต่น้อยมากๆ ดังนั้น โดยสรุปแล้วหากกังวลมาก ก็อาจทานยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินได้ครับ และก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะตามช่วงที่หมอกล่าวไปนะครับ