กระดานสุขภาพ

รบกวนสอบถามเรื่องอาการอวัยวะเพศครับ
Buna*****a

30 มกราคม 2559 05:25:59 #1

เมื่อประมาณวันที่ 23 มค. ที่ผ่านมาผมมีเพศสัมพันธ์ครับ ใส่ถุงยางนะครับ แต่ถุงที่ใส่อันแรกมันคับ ทำให้เจ็บมาก เลยถอดเปลี่ยน พอผ่านมา 4 วัน น่าจะวันที่ 27/1/59 ผมรู้สึกว่าเวลาปัสสาวะ มีอาการเจ็บแสบมากๆครับ แล้วก็พอมาวันที่ 28/1/59 มีน้ำขาวปนเหลืองข้นๆ ออกมาด้วยครับ แล้วก็เวลาปกติ จะเจ็บบริเวณเส้นสองสลึงมากครับ รบกวนถามคุณหมอว่า ผมควรกินยาอะไรดีครับ เพราะเวลาปัสสาวะแสบมากๆ แล้วต้องบอกกับทางร้านยาว่ายังไงครับ

ขอบพระคุณคุณหมอที่กรุณาครับ

อายุ: 29 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 135 กก. ส่วนสูง: 187ซม. ดัชนีมวลกาย : 38.61 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

20 กุมภาพันธ์ 2559 07:01:08 #2

ถ้าคุณใส่ถุงยางตลอดเวลาที่มีการร่วมเพศและการสอดใส่ รวมทั้งการทำออรัลเซ็กส์ ก็ไม่น่าจะติดเชื้อโรคติดต่อ อาการที่เล่ามาอาจจะเกิดจากการแพ้ ระคายเคือง หรือการร่วมเพศที่รุนแรงหรือการแพ้ถุงยาง ทำให้เกิดการบวมของหนังหุ้ม แนะนำให้ทำความสะอาดด้วยสบู่อ่อนๆ เช่นสบู่เด็ก ล้างเบาๆแล้วซับให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆ ทายาที่มีส่วนผสมของาแก้แพ้ชนิด triamcinolone 0.02% + ยาเชื้อรา clotimazoleทาบางๆ เช้าและก่อนนอนหลังอาบน้ำ น่าจะดีขึ้นใน 5-7 วัน แต่ถ้าไม่แน่ใจหรือมีหนองออกจากท่อปัสสาวะและปัสสาวะแสบขัด ก็อาจจะเป็น โรคทางเดินปัสสวาะอักเสบมี 2 ชนิด คือชนิดที่ติดตอทางเพศสัมพันธ์ ที่พบได้บ่อย คือหนองในแท้ และหนองในเทียม หนองใน (แท้) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า ไนซีเรีย โกโนคอคไค สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ) ที่ดีที่สุดคือยาฉีด ceftriaxone 250 mg ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเข็มเดียว ได้ผลร้อยละ 95 ขึ้นไป หนองในเทียม เกิดจากเชื้อหลายชนิด ที่พบมากคือเชื้อคลามัยเดียและมัยโคพลาสมา ที่สำคัญคือประมาณ 10 % ยังไม่ทราบสาเหตุ รักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ)ที่ได้ผลดีคือ ด็อกซี่ซัยคลีน หรือ อิริโทรมัยซิน กินประมาณ 2 อาทิตย์ ในปัจจุบันอาจมียาที่กินครั้งเดียว คือ อะซิโทรมัยซิน 1 กรัม แต่จะได้ผลน้อยกว่า แต่ถ้าแน่ใจว่าใช้ถุงยาง นอกจากเชื้อ 2 ตัวนี้แล้ว การอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียชนิดอื่นๆจะไม่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยสรุป ขึ้นกับพฤติกรรมเสี่ยง และลักษณะของหนองที่เป็นว่า ออกจากท่อปัสสาวะรหือเป็นรอบๆหนัหุ้ม กาารักษาขึ้นกับสาเหตุ แนะนำหาหมอระบบสืบพันธ์และทางเดินปัสสาวะครับ นพ. อนุพงศ์