กระดานสุขภาพ

ช่วยตอบคำถามทีครับ มีตุ่มขึ้นที่อวัยวะเพศ
Anonymous

12 มกราคม 2559 13:11:47 #1

เริ่มแรกผมตุ่มขึ้นที่หนังหุ้มอวัยวะเพศซึ่งมีลักษณะคล้ายสิวไม่มีอาการเจ็บแสบหรือคันครับ (รูปที่ 1) หลังจากนั้นหนึ่งวันเริ่มมีตุ่มใสๆขึ้นที่หัวของอวัยวะเพศ (รูปที่ 2,3) วันนี้เป็นวันที่ห้าจากที่ตุ่มขึ้นเริ่มมีอาการแสบๆเคืองๆบริเวณตุ่มในรูปที่ 2 ครับจึงอยากรบกวนคุณหมอช่วยวิเคราะห์ว่าจากอาการที่ผมเป็น ผมเป็นอะไรและมีวิธีการรักษาได้เช่นไรบ้างครับ 

http://haamor.com/media/images/webboardpics/b4d33-26523-1.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/b4d33-26523-2.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/b4d33-26523-3.jpg

อายุ: 23 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 52 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.31 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

12 มกราคม 2559 13:16:56 #2

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

14 มกราคม 2559 16:50:49 #3

ดูจากรูปที่ส่งมา เห็นเป็นตุ่มแดงๆเล็กๆหลายตุ่มที่บริเวณหนังและส่วนหัวของอวัยวะเพศ
ถ้าไม่มีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ คือ ยังไม่เคยมีการร่วมเพศหรือเคยแต่ใช้ถุงยางทุกครั้ง อาการที่เล่ามาน่าจะเกิดจากการระคายเคืองสารที่มาสัมผัส เช่น สบู่ เจลอาบน้ำ หรือร่วมกับความอับชื้น จึงเป็นจุดแดงๆและอาจมีเชื้อราร่วมด้วย แนะนำให้ทำความสะอาดด้วยสบู่อ่อนๆ เช่นสบู่เด็ก ล้างเบาๆแล้วซับให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆ ทายาที่มีส่วนผสมของาแก้แพ้ชนิด triamcinolone 0.02% + ยาเชื้อรา clotimazoleทาบางๆ เช้าและก่อนนอนหลังอาบน้ำ น่าจะดีขึ้นใน 5-7 วัน

แต่ถ้ามีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ เช่น เที่ยวผู้หญิง ไม่ใช้ถุงยาง มีคู่นอนหลายคน โรคที่พบบ่อยคือ เริม เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 5 -10 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผลเจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง หรือถ้ามีประวัติเป็นชายรักร่สมเพศที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก หรือการใช้ปากโดยไม่ใส่ถุงยาง ก็อาจจะต้องนึกถึงผื่นของซิฟิลิสระยะที่ 2 ซึ่งสามารถตรวจเลือด VDRL หรือRPR หรือ TP ถ้าให้ผลบวก ก็แสดงว่าเป็นซิฟิลิส ต้องรักษาโดยการฉีดยา Benzathine penicillin

โดยสรุป ขึ้นกับพฤติกรรมเสี่่ยงทางเพศถ้ามีพฤติกรรมเสี่ยงแนะนำหาหมอครับ

นพ.อนุพงศ์