กระดานสุขภาพ

สอบถามเรื่องน้ำเมือกหล่อลื่นจากอวัยวะเพศชายคะ
Anonymous

2 พฤศจิกายน 2558 15:58:10 #1

คือหนูไปเที่ยวกับผู้ชายคนนึงไม่ได้ใส่ถุงแล้วเขาขอหนูมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักคะ แล้วคราวนี้หนูก็มีแผลบริเวณรูทวารอยู่แล้วด้วย ตอนเขากำลังสอดใส่หนูรู้สึกเจ็บแต่มันไม่ได้เข้าไปซะทีเดียวอะคะ มันกำลังจะเขาแต่หนูเจ็บก็เลยบอกให้เขาเลิกทำ 


มาถึงประเด็นคือ หนูไม่รู้ว่าเขามีเชื้อหรือไม่ แล้วกรณีนี้คือหนูมีบาดแผลที่รูทวารอยู่แล้วแต่เกิดกรณีดังกล่าว ถ้าเขามีเชื้อหนูจะมีโอกาศติดเชื้อจากเขามากน้อยแค่ไหนอะคะ ไม่ได้หลั่งเลยนะคะ ถ้ามีความเสี่ยงก็จะเป็นน้ำลายที่เค้าเอามาใช้หล่อลื่นแทน หรือน้ำเมือกหล่อลื่นจากอวัยวะเพศของเขาซึ่งหนูไม่รู้ว่าตอนนั้นออกมาหรือไม่ มากน้อยเพียงใด

แบบนี้มีโอกาศจะติดเชื้อมั้ยคุณหมอ คิดหนักเลยคือหนูแค่อยากให้มั่นใจว่ามันมีโอกาศติดมั้ย

อายุ: 22 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 45 กก. ส่วนสูง: 165ซม. ดัชนีมวลกาย : 16.53 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

2 พฤศจิกายน 2558 15:59:09 #2

เพิ่มเติมนะคะแผลที่เป็นอยู่แล้วมาจากการถ่ายอุจจาระคะ

Anonymous

3 พฤศจิกายน 2558 13:49:17 #3

ขอเพิ่มเติมนะคะเฟื่อจะเข้าใจได้ง่ายขึ้น
คือไม่ได้สอดใส่อะคะแต่เขากำลังจะยัดตรงรูทวารแต่มันไม่เข้า มันเจ็บมากแล้วเขาก็พยายามยัด หนูก็เลยบอกให้เขาพอ สรุปคือไม่ได้สออดใส่ ใดๆทั้งสิ้น ช่วงที่สัมผัสกันระหว่างอวัยวะเพศชายกับรูทวารคือช่วงที่กำลังพยายามจะยัดคะ
ปล.เหตุการณ์เกิดขึ้นเพราะเมาในระดับนึงคะ แจ่หนูก็ไม่ไได้มีอารมณ์ร่วมตั้งแต่แรกอยู่แล้วคะ จึงได้บอกเขาให้เลิกทำ

ก็ได้แต่ภาวนาว่าจะไม่เป็นอะไร ถ้าไม่เป็นอะไรหนูจะเป็นคนดี ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อีกเลยคะ

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

11 พฤศจิกายน 2558 04:28:33 #4

มีการศึกษาโอกาสของการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อเอดส์ 1 ครั้ง จากมากไปน้อยดังนี้ ชายหรือหญิงเป็นฝ่ายถูกสอดใส่ทางทวารหนัก 0.5% หญิงเป็นฝ่ายถูกสอดใส่ทางช่องคลอด 0.1% ชายเป็นฝ่ายสอดใส่ทางทวารหนัก 0.065% ชายเป็นฝ่ายสอดใส่ช่องคลอด 0.05% ชายหรือหญิงที่เป็นฝ่ายทำออรัลเซ็กส์ 0.01% ชายหรือหญิงเป็นฝ่ายถูกทำออรัลเซ็กส์0.005% อย่างไรก็ตามโอกาสจะเพิ่มขึนถ้าเป็นกามโรคหรือมีแผลด้วย นอกจากนี้ ก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลาของการร่วมเพศ เช่นถ้ามีการสอดใส่และใช้เวลานาน มีการหลั่งน้ำอสุจิ มีเลือดออก ก็มีโอกาสติดเชื้อเพิ่มขึ้น ในกรณีของคุณที่มีความพยายามในการสอดใส่มางทวารหนัก แต่เจ็บก็เลยหยุด ถ้าม่มีการหลั่งน้ำอสุจิ โอกาสก็จะน้อยกว่า 0.5% ส่วนเรื่องน้ำลาย โอกาสที่จะติดเชื้อน้อยมาก

การตรวจเลือดเพื่อดูว่ามีการติดเชื้อเอดส์หรือไม่ วิธีที่ตรวจได้เร็วที่สุดหลังมีความเสี่ยงคือการตรวจด้วยด้วยวิธี NAT คือการตรวจส่วนของเชื้อไวรัสเอชไอวีสามารถตรวจได้เร็วขึ้น คือประมาณ 1 อาทิตย์หลังมีความเสี่ยง แต่จะมีตรวจเฉพาะห้องแล็บใหญ่ๆและมักใช้ในงานวิจัย เนื่องจากมีราคาแพง แนะนำให้ตรวจด้วยวิธีที่ใช้กันทั่วไป คือ GEN 4 ซึ่งเป็นการตรวจแอนติเจนและแอนติบอดี สามารถตรวจได้หลังมีความเสี่ยงประมาณ 3-4 อาทิตย์ ถ้าผลเป็นลบ ก็แสดงว่าไม่ติดเชื้อ แต่ควรตรวจซ้ำหลังเสี่ยงครบ 3 เดือน ซึ่งถ้าผลเป็นลบ ก็ไม่ติดเชื้อเอดส์ แนะนำตรวจเลือดโดยใช้สิทธิที่มี เช่น บัตรทอง ประกันสังคม ไม่ต้องเสียค่าตรวจ

ส่วนเรื่องอาการโรคเอดส์ ขออธิบายดังนี้ 1. การติดเชื้อระยะเฉียบพลัน เกิดขึ้นใน 2-4 อาทิตย์หลังจากที่มีพฤติกรรมเสี่ยง โดยจะมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้สูง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดข้อ คลื่นไส้ อาเจียน มีผื่นขึ้นตามตัว เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต เป็นต้น ซึ่งอาการจะค่อยดีขึ้นใน 1-4 อาทิตย์ เนื่องจากอาการเหล่านี้ไม่ค่อยเฉพาะเจาะจงทำให้มีผู้ป่วยจำนวนมากที่ติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว อาจนึกว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ 2. ระยะที่ไม่มีอาการจะเป็นระยะต่อจากระยะเฉียบพลัน ผู้ติดเชื้อจะไม่มีอาการผิดปกติแต่อย่างไร ระยะนี้จะอยู่ระหว่าง 3-5 ปี แต่ในบางรายอาจนานเป็น 10 ปีขึ้นไปขึ้นอยู่กับการดูแลสภาพของร่างกายและปริมาณเชื้อไวรัสในเลือด 3. ระยะที่เป็นเอดส์ ผู้ป่วยเริ่มจะมีภูมต้านทานลดลง น้ำหนักลด ท้องเสียเรื้อรัง มีผื่นคันตามตัว เป็นเชื้อราที่ลิ้น ต่อมาเริ่มมีโรคแทรก เช่น งูสวัด วัณโรคปอด เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ปอดบวม เป็นต้น