กระดานสุขภาพ

ทานยาคุมฉุกเฉินแล้วปจด.ไม่มา
Pich*****i

23 ตุลาคม 2558 02:15:47 #1

สวัสดีค่ะคุณหมด ขอเล่าก่อนนิดนึง
ประมานวันที่12-13 ตค. เป็นว่ากลางเดือนน่าจะตกไข่ช่วงนี้ วันนี้มีพสพ. ใส่คอนดอม เสร็จแล้วเอาไปตรวจโดยการใส่น้ำ
ประมานวันที่13-14 ตค. คอนดอมใส่น้ำนั้นยังอยู่(เป็นวิธีการตรวจของหนูเองเพื่อให้มั่นใจ) บีบดูตรงปลายไม่มีน้ำรั่ว แต่!!สังเกตเห็นคราบน่ำเป็นสาย เลยบีบไล่ขึ้นด้านบนส่วนต้นดู ปรากฎว่าส่วนต้นมันรั่ว วันนี้เลยไปซื้อยาคุมฉฉ.มาทาน
วันที่ 20 ตค. ปจด. ควรมา แต่ยังไม่มาจนถึงวันที่โพส


หนูเลยอยากรู้2ข้อค่ะ
1. ถึงหนูจะใส่คอนดอมที่รั่วตรงส่วนต้น(มีพสพ.เสร็จก็เอาออกมาเลย ไม่รอ) ซึ่งฟังดูเหมือนอสุจิจะไม่ไหลขึ้นไป ไม่มีโอกาสให้อสุจิเจอกับไข่ แต่ทำไมปจด.ยังไม่มา
2.การที่เลือดออกอันเป็นผลจากยาคุมฉฉ.นั้น มีปัจจัยจากระดับฮอร์โมนที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงของเดือนมั้ย หรือฮอรโมนไม่มีปัจจัยกำหนดเลย ยังไงก็ผนังมดลูกก็ต้องลอกอยู่ดี

ขอบคุณคุณหมอมากค่ะ 

อายุ: 22 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 51 กก. ส่วนสูง: 162ซม. ดัชนีมวลกาย : 19.43 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

31 ตุลาคม 2558 14:24:07 #2

หมอคิดว่า เรื่องถุงยางอนามัยที่กล่าวมานั้น หากใช้ถูกต้อง ไม่น่าจะรั่วนะครับ และ การตรวจดังกล่าวนั้น ไม่มีความจำเป็นนะครับ ส่วนเรื่องผลที่สังเกตเห็นเป็นสายๆนั้น ส่วนตัวหมอคิดว่าอาจเกิดจากการที่หากใส่น้ำไว้นานๆ อาจทำให้ถุงยางอนามัยเสื่อมสภาพก็เป็นได้ครับ โดยทั้งหมดนี้ อาจไม่จำเป็นต้องทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็ได้นะครับ แต่หากทานไปแล้วอาจส่งผลข้างเคียงของยาได้ ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ และ ระหว่างนี้ หากยังไม่แน่ใจว่า เลือดที่ออกเกิดจากประจำเดือนหรือเป็นเลือดผิดปกติ ก็ยังไม่ควรทานยาคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนไปในช่วงนี้ครับ เพราะจะทำให้สับสนได้มากหากเลือดประจำเดือนผิดปกติหรือไม่มา

หมอขอแนะนำการคุมกำเนิดสักนิดนะครับ การคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ คือ การป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย และ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้นครับ ซึ่งการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องนั้น มีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และการใช้ถุงยางอนามัยซ้อนกันมากกว่า 1 ชั้นชึ้นไปนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้ป้องกันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ถุงยางมีโอกาสที่จะขาดและปริแตกง่ายขึ้นด้วยจากการเสียดสีกันเองของถุงยางอนามัยครับ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครับ ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ