กระดานสุขภาพ

กินยาคลุมฉุกเฉินหลังกินยาแก้ไข้
Anonymous

15 ตุลาคม 2558 07:27:55 #1

กินยาคลุมฉุกเฉินหลังกินยาแก้ไข้ยาคลุมจะเกิดไรขึ้นป่าวครับ
อายุ: 30 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 50 กก. ส่วนสูง: 176ซม. ดัชนีมวลกาย : 16.14 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

21 ตุลาคม 2558 16:13:30 #2

เรียน คุณ 1345b,

เนื่องจากคุณไม่ได้ให้ชื่อยาลดไข้มา สันนิษฐานว่าน่าจะเป็น paracetamol (พาราเซตามอล) จากข้อมูลที่มีอยู่ ไม่พบว่ายาทั้งสองตัวนี้มีปฏิกิริยาระหว่างกันนะครับ แต่ขออนุญาตให้ข้อมูลเพิ่มเติม คือ

1. การใช้ยาคุมฉุกเฉินนั้น ทางการแพทย์จะนำมาใช้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเท่านั้น ไม่สามารถวางแผนคุมกำเนิดตามปกติได้ เช่น เมื่อถูกข่มขืน หรือเมื่อถุงยางอนามัยฉีกขาดรั่วซึม (ซึ่งเป็นไปได้ยากมากหากคุณเลือกใช้อย่างถูกต้อง ถูกขนาด (ไม่เล็ก ไม่ใหญ่กว่าความเป็นจริง) ใช้เจลหล่อลื่นสูตรน้ำเท่านั้น (ถ้าใช้โลชั่นหรือวาสลีน จะทำให้ยางในถุงยางฉีกขาดง่าย) เมื่อยังไม่ได้ใช้ต้องเก็บรักษาอย่างถูกต้อง ไม่เก็บในที่ร้อน (หากเก็บในกระเป๋าสตางค์ ต้องเปลี่ยนใหม่ทุก 3 เดือน ถ้าไม่ได้ใช้) ไม่นิยมนำมาใช้แทนการคุมกำเนิดปกติ เนื่องจากมีประสิทธิภาพค่อนข้างต่ำกว่ายาคุมกำเนิดปกติ (ยาคุมฉุกเฉิน มีอัตราเสี่ยงในการตั้งครรภ์ 8-15 เปอร์เซ็นต์ และยาคุมกำเนิดปกติ น้อยกว่า 1%)
และฮอร์โมนในยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมีปริมาณสูงมากกว่าปกติ คือ 1500 ไมโครกรัม เทียบกับชนิดปกติ คือ 50-75 ไมโครกรัม
จึงห้ามรับประทานยาเกินกว่า 2 กล่อง ต่อเดือน เนื่องจากอาจเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูก เสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากการตกเลือดในช่องท้อง และยังพบว่าสตรีที่ได้รับยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมากเกินกว่า 3 ครั้ง "ตลอดชีวิต" จะมีอัตราเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่ออวัยวะต่าง ๆสูงหลายเท่าเมื่อเทียบกับสตรีที่ไม่เคยได้รับยาคุมกำเนิด หรือได้รับแต่ยาคุมกำเนิดชนิดทั่วไป ที่พบได้บ่อย เช่น มะเร็งสมอง มะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูกและรังไข่ หรือมะเร็งตับ เป็นต้น ดังนั้น หากคุณยังไม่ได้แต่งงาน แนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยจะดีกับทั้งสองฝ่ายครับ คือนอกจากคุมกำเนิดแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อีกด้วย เช่น หนองใน ซิฟิลิส แผลริมอ่อน พยาธิในช่องคลอด เริม โรคตับอักเสบบี/ซี หรือโชคร้ายสุดคือ เอชไอวีที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ที่ปัจจุุบันยังไม่มียารักษาให้หายขาด นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไวรัสเอชพีวี (HPV - Human Papilloma virus) ที่เป็นสาเหตุกระตุ้นให้เกิดมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิง และหูดหงอนไก่/มะเร็งองคชาติในเพศชายอีกด้วย

2. กรณีมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้ยาเร่งด่วน แนะนำให้สอบถามจากเภสัชกรร้านยาใกล้บ้าน ก่อนเริ่มต้นการใช้ยาเนื่องจากหากเกิดปฎิกิริยาระหว่างยา "ยาตีกัน" แล้ว อาจไม่สามารถแก้ไขได้ทัน เสี่ยงต่อการเกิดการตั้งครรภ์หรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพถึงกับเสียชีวิตได้

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล