กระดานสุขภาพ

การทานยาคุม กับการมีเลือดออก
Anonymous

3 กันยายน 2558 14:09:58 #1

สวัสดีคะเมื่อประมาณกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซื้อยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดมารับประทาน แบบ 21 เม็ดคะ แล้วเมื่อประมาณปลายเดือนมีเพศสัมพันธ์กับแฟน แต่เนื่องจากเป็นครั้งแรกและไม่สามารถสอดใส่เข้าไปได้ เนื่องจากมีอาการเจ็บบริเวณอวัยวะเพศ ตกอีกวันมีเลือดเปื้อนที่ชุดชั้นในเป็นคราบด่างสีน้ำตาลอ่อน ไม่มีกลิ่น หลังจากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์มีเพศสัมพันธ์อีกครั้งแต่ก็ไม่ได้สอดใส่เข้าไปเนื่องจากมีอาการเจ็บเหมือนครั้งแรก ตกอีกวันมีคราบเปื้อนที่ชุดชั้นในเหมือนครั้งแรก แต่ไม่ได้ออกมาก จะเปื้อนประมาณ 1-2 วัน อยากทราบว่า มีอันตรายมั้ยคะ หรือว่าเกิดจากสาเหตุอะไร 

ไม่มีอาการปวดท้องน้อย ไม่ปวดแสบขัด ปกติไม่ค่อยมีตกขาว รอบเดือนมาปกติ 

เพิ่งทานยาคุมแผงแรก เนื่องจากเมื่อประมาณกลางเดือนทานยาเลื่อนประจำเดือนประมาณ 10 วัน เพราะว่าไปทะเลหลังจากนั้นประจำเดือนจากที่จะมาตรง 28 - 30 วัน หลังทานยาเลื่อนประจำเดือน เดือนแรกมา 19/5/58 , 18/6/58 , 19/7/58 , 21/8/58 และเริ่มทานยา 21/8/58 คะ 

ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบคะ

อายุ: 24 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 68 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 26.56 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

4 กันยายน 2558 17:25:01 #2

ตอนนี้คงไม่สามารถตอบได้ว่าเลือดที่ออกเกิดจากการทานยาคุมกำเนิดหรือเกิดเพราะมีเพศสัมพันธ์ เพราะเลือดที่ออกมาทุกครั้งจะเกิดหลังจากการมีเพศสัมพันธ์จึงอาจจะเกิดจากการฉีกขาดที่ปากช่องคลอด ทั้งนี้ การทานยาคุมกำเนิดชนิดฮฮอร์โมนต่ำ จะทำให้มีเลือดออกผิดปกติได้เช่นกันคือมีเอสโตรเจนในตัวยาเพียง 15-20 ไมโครกรัม ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ควรเปลี่ยนเป็นยาคุมชนิดฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงขึ้น จะช่วยทำให้อาการเลือดออกผิดปกติดีขึ้นได้ค่ะ ถ้าไม่มีการสอดใส่ร่วมกัยการทานยาคุมอย่างสม่ำเสมอ ไม่ลืมทานยาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการตั้งครรภ์ค่ะ