กระดานสุขภาพ

ด่วนมากค่ะ
Anonymous

31 สิงหาคม 2558 16:26:55 #1

เมื่อวันเสาร์ที่ 29 มีเพศสัมพันธ์กับแฟนใส่ถุงยางนะค่ะเช็คแล้วไม่รั่วไม่แตกไม่พลาด แต่ความชัวร์เราเลยซื้อยาฉุกเฉินมากินตอน 2 ทุ่มของวันนั้นเลยแต่เรามีเพศสัมพันธ์กับแฟนตอนช่วง 11 โมงเช้า แต่คิดว่าน่าจะกินทันเวลาแลเววันอาทิตย์ก็กินยาเวลา 8 โมงเช้าอีก วันจันทร์ที่ 24 เราก็มีเพศสัมพันธ์กันอีกใส่ถุงยางเหมือนเดิมคะแต่แฟนจะเปลี่ยนท่าบ่อยมาก แต่พอเสร็จแล้วแฟนก็บอกว่ามันเสร็จแค่ครึ่งเดียวเหมือนมันไม่สุดของเขา แต่ก็หยุดแค่ตอนนั้นนะคะ เอาถุงยางมาเช็คมาบีบดูก็ไม่รั่วไม่แตก แต่อยากทราบจริงๆคือการใส่ถุงยางแล้วเปลี่ยนท่าไปแบบนี้มีโอกาศน้ำเชื้อของผู้ชายไหลย้อนถุงขึ้นมามั้ย แล้วหยูมีอาการเจ็บหน้าอกหลังทานยาคุมฉุกเฉินเกิดจากอะไร แล้วการที่มีเรื่องเครียด นอนน้อยพักผ่อนน้อย ร่างกายไม่แข็งแรง เกี่ยวกับทำให้ประจำเดือนมาล่าช้าด้วยหรือไม่ค่ะ เพราะปกติ ประจำเดือนต้องมาวันที่ 30 ไม่เกิน 31 แต่ตอนนี้ยังไม่มาเลยคะ หนูกังวลมากๆ ตอบด้วยนะคะ (ถุงยางพอดีไซต์ของแฟนคะแฟนเช็คแล้วแน่ใจมาก)
อายุ: 19 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 50 กก. ส่วนสูง: 170ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.30 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

31 สิงหาคม 2558 16:28:46 #2

เพิ่มเติมจากกระทู้นะค่ะ ยาคุมฉุกเฉินจะทำให้ประจำเดือนมาตรงหรือไม่ตรงภายใน 7 วันเกี่ยวกับความเครียด พักผ่อนน้อย ร่างกายไม่แข็งแรงด้วยหรือเปล่าค่ะ
Anonymous

2 กันยายน 2558 21:23:28 #3

ปกติรอบเดือนของเดือนที่แล้วมาช่วงประมาณ วันที่ 8 หรือ 10 ของเดือนคะหมอ หนูเช็คดีแล้วนะค่ะ ยาก็กินครบแล้ว ตอนนี้นอนน้อยมากเครียดเรื่องคนในครอบครัวป่วยหนักอีก มีผบเยอะเลยมั้ยคะ แล้วต้องทำอย่างไรดีคะ
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

4 กันยายน 2558 14:30:16 #4

จากที่กล่าวมา หากทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์มีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี สวมใส่ก่อนสอดใส่อวัยวะเพศทุกครั้ง ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องตั้งครรภ์ครับ ซึ่งในกรณีที่ถุงยางอนามัยจะหลุดเลื่อนหรือไม่นั้น หากใช้ถูกต้องและขนาดเหมาะสม ก็มีโอกาสน้อยมากๆครับ สบายใจได้ และ ไม่จำเป็นต้องทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินอีกด้วย แต่หากทานไปแล้วอาจส่งผลข้างเคียงของยาได้ ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ

ส่วนลักษณะประจำเดือนที่ผิดปกติ มาไม่เป็นรอบหรือไม่สม่ำเสมอ หรือ ระยะห่างระหว่างรอบไม่สม่ำเสมอนั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องออร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด หรือ เดินทางบ่อย เปลี่ยนแปลงสถานที่หรือการดำเนินขีวิต เป็นต้นครับ หากสาเหตุต่างๆนี้หายไปหรือดีขึ้น อาการประจำเดือนก็จะกลับมาปกติ แต่หากไม่ได้มีสาเหตุอย่างที่หมอกล่าวไป และ รอบประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มาไม่เป็นรอบ หรือ ขาดหายไปนานเกิน 3 สัปดาห์แล้ว ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ ไม่ควรไปทานยาอะไรก็ตามที่ต้องการให้มีเลือดประจำเดือนออกมาหรือเป็นการขับเลือดนะครับ เนื่องจากยาในกลุ่มนี้หากเป็นกลุ่มที่เป็นฮอร์โมน นอกจะไม่ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นรอบดี ยังส่งผลต่อทำให้ประจำเดือนผิดปกติ อาจมามาก มากะปริดกะปรอย หรือ ขาดหายไปนาน และไม่มาตามรอบนะครับ

หมอขอแนะนำการคุมกำเนิดสักนิดนะครับ การคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ คือ การป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย และ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้นครับ และ เรื่องถุงยางอนามัยที่มีปัญหานั้น โดยปกติแล้วกระบวนการผลิตถุงยางอนามัยนั้น ค่อนข้างรัดกุมมากนะครับ การที่จะขาด รั่ว หรือ ปริแตกนั้นเกิดได้น้อยมากแต่หากเกิดมักเกิดจากการใช้ที่ผิดวิธีครับ ซึ่งการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องนั้น มีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และการใช้ถุงยางอนามัยซ้อนกันมากกว่า 1 ชั้นชึ้นไปนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้ป้องกันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ถุงยางมีโอกาสที่จะขาดและปริแตกง่ายขึ้นด้วยจากการเสียดสีกันเองของถุงยางอนามัยครับ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครับ ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ