กระดานสุขภาพ

มีติ่งเนื้อบริเวณอวัยวะเพศ
Anonymous

20 สิงหาคม 2558 17:34:26 #1

ดิฉันอยากทราบว่ามันอันตรายไหมค่ะคือมีติ่งเนื้อเล็กๆขึ้นบริเวณแคมเล็ก ไม่มีอาการใดๆ มีติ่งเนื้อมาประมาณ3ปีขนาดไม่ได้เพิ่มขึ้น/ลดลง อยากทราบว่ามันจะอันตรายไหมหรือจำเป็นต้องทำการรักษาหรือเปล่าค่ะ -ขอถามเพิ่มเติมว่าช่วงนี้บริเวณตามซอกระหว่างแคมใหญ่แคมเล็ก มันมีลักษณะเหมือนผงขาวๆขึ้น ใช่เชื้อราไหมค่ะ -ตอนนี้ตรงช่องคลอดมันเป็นสีขาวดูบวมอันตรายไหมค่ะ. **ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์** ปล.เคยกังวลเรื่องผงขาวๆที่ขึ้นอยู่ช่วงหนึ่งและมีอาการตกขาวขุ่นคันเลยใช้ยาสอดฆ่าเชื้อราไปค่ะเรื่องตกขาวมันดีขึ้นแต่ผงขอบขาวๆที่แคมมันยังมีอยู่ รบกวนด้วนนะคะ
อายุ: 20 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 60 กก. ส่วนสูง: 165ซม. ดัชนีมวลกาย : 22.04 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

23 สิงหาคม 2558 14:48:54 #2

ในเรื่องของติ่งเนื้อนั้น หากไม่มั่นใจว่าเป็นติ่งเนื้อธรรมดาหรือไม่ หมอแนะนำให้มาตรวจกับสูตินรีแพทย์นะครับ เบื้องต้นอาจเป็นเนื้อปกติครับ แต่อาจตัดไปตรวจได้ถ้ากังวล ส่วนในเรื่องของตกขาวนั้น เบื้องต้นแล้ว ตกขาวที่อาจมีได้ช่วงนี้ ก็เป็นผลจากฮอร์โมนที่สูงขึ้นหลังจากไข่ ซึ่งจะอยู่ในช่วงกลางรอบเดือนครับ และสามารถพบสารคัดหลั่งนี้มากขึ้นจนถึงช่วงใกล้ๆมีประจำเดือนได้ครับ แต่จะไม่มีอาการผิดปกติ เช่น คัน กลิ่นเหม็น หรือ เลือดปนครับ ซึ่งไม่ผิดปกตินะครับ ดังนั้น หมอแนะนำให้สังเกตุอาการไปก่อน แต่หากหากตกขาวผิดปกติที่เป็นลักษณะสีขาวเหลือง คล้ายทิชชูเปียกหรือ นมโยเกิตร่วมด้วย และ มีอาการคันเป็นหลักนั้น จะเป็นอาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดครับ และในบางท่านอาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้ การรักษาหลักนั้น หากมีอาการภายในช่องคลอด ยาที่ใช้โดยทั่วไปเป็นมาตรฐานจะเป็นยาในช่ือสามัญ clotrimazole ครับ เป็นลักษณะเม็ด ใช้เหน็บช่องคลอด เป็นเวลา 7 วันนะครับ หากมีอาการภายนอกด้วย ก็อาจลองใช้ยาที่มีช่ือสามัญ clotrimazole ชนิดทา ทาก็ได้ครับ ที่สำคัญ ต้องทาบริเวณที่เป็นรอยโรค โดยเฉพาะอย่างย่ิง ที่ขอบ เพราะเชื้อราจะอยู่บริเวณนี้มากๆ และ เป็นบริเวณที่แบ่งตัว ลามต่อไปครับ ทาจนอาการดีชึ้นจนหาย และ ทาต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้น จะเป็นซ้ำได้ง่าย และในช่วงที่มีประจำเดือน อาจเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยขึ้นเพื่อลดความอับชื้นนะครับ ส่วนหากมีลักษณะกลิ่นเหม็น หรือ คันมาก ตกขาวเป็นสีเขียวเหลืองจะเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดนะครับ ดังนั้น หมอแนะนำหากตกขาวยังคงผิดปกติอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายใน หาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ