กระดานสุขภาพ

อยากสอบถามเกี่ยสกับประจำเดือน ยาคุมฉุกเฉิน
Anonymous

15 สิงหาคม 2558 09:32:46 #1

คือว่าหนูมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกค่ะเมื่อวันที่ 10 ก.ค มีเลือดออกมาด้วยเพราะเป็นครั้งแรก แต่ว่าหลั่งข้างนอกนะคะ เค้าชักออกมาทัน (หนูคิดว่าทัน) ประมาณตอนเที่ยง แล้วพ อประมาณบ่ายโมงก็กินยาคุมฉุกเฉินไป เม็ดที่สองกินห่างกัน 12 ชั่วโมงตามคำแนะนำข้างกล่อง คือตอนตีสอง แล้วพอตอนเช้าวันที่ 11 ก.ค ประมาณ 10 โมงก็มีเพศสัมพันธ์อีกครั้งนึงค่ะ แต่ว่าไม่เสร็จเพราะว่ามีเลือดออกมาเยอะตรงอวัยวะเพศของหนู น่าจะเป็นเพราะพึ่งมีครั้งแรกไปพอครั้งที่สองเหมือนยังไม่คงที หลังจากวันที่ 11 ก็มีเลือดออกมากระปิดกระปอย 2 วันคิดว่าน่าจะเป็นจากยาคุมฉุกเฉิน(ต้องบอกก่อนค่ะว่าหนูกินยาคุมฉุกเฉินครั้ง แล้วก็มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกด้วย) แล้วหลังจากนั้นประจำเดือนก็ขาดไป 2 สัปดาห์ ซึ่งโดยปกติประจำเดือนหนูมาไม่ตรงกันค่ะ ส่วนใหญ่จะมาช่วงกลางเดือน เลยลองซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจแต่ว่าไม่ท้องขึ้นขีดเดียว หลังจากนั้นประจำเดือนก็มาวันที่ 25 ก.ค มา 5 วัน ก่อนที่ประจำเดือนจะมาก็มีอาการเวียนหัว คลื่นไส้นิดหน่อย แต่ไม่อาเจียนนะคะ แล้วพอมาเดือนนี้ช่วงต้นเดืน หนูมีอาการปวดท้องน้อยเป็นบางครั้ง เหมือนอาการประจำเดือนจะมา แต่ว่าไม่มา ปวดท้องน้อยแบบนี้หลายวัน แล้วก็ปวดหลังด้วย เลยไปหาหมอที่จุฬา วันที่ 10 ส.ค หมอตรวจภายใน โดยใช้อุปกรณ์ pap smear ติ๊กไว้ในบิลค่ะ น่าจะเป็นอุปกรณ์ที่สอดเข้าไปในช่องคลอด ซึ่งหมอบอกว่าไม่มีอะไรผิดปกติ ให้ยาแก้ปวดมาที่เป็นแบบเดียวกับลดอาการปวดประจำเดือนกับยาปฏิชีวนะ ต้านเชื้อแบคทีเรีย แล้ววันที่ 12 ประจำเดือนมา จนถึงวันที่ 14 ส.ค คือเมื่อวาน สงสัยว่าทำไมมาน้อยกว่าปกติแค่ 3 วัน โดยปกติประจำเดือนหนูจะมา 5 วันตลอด เป็นไปได้มั้ยคะว่าเป็นเพราะยาคุมฉุกเฉิน แต่ก็เป็นเดือนแล้วที่กินไปไม่น่าจะเกี่ยว เลยอยากว่าจะเป็นอะไรหรือเปล่า จะท้องมั้ยคะ
อายุ: 21 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 49 กก. ส่วนสูง: 162ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.67 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

18 สิงหาคม 2558 14:27:50 #2

ในการมีเพศสัมพันธ์ที่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ แม้สุดท้ายจะไม่ได้หลั่งด้านใน หรือ สอดใส่ก่อนที่จะใส่ถุงยางอนามัย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้นะครับ เนื่องจากในช่วงที่มีเพศสัมพันธ์จะมีอสุจิออกมากับสารคัดหลั่งที่ออกมาในช่วงนี้ แม้ปริมาณอสุจิจะน้อย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งการที่เช็ดนำ้อสุจิหลังมีเพศสัมพันธ์หรือก่อนสอดใส่ หรือ การไปปัสสาวะก่อนที่จะร่วมเพศ ก็ไม่ได้ช่วยทำให้การตั้งครรภ์น้อยลงหรือเป็นการลดปริมาณอสุจินะครับ เพราะ อสุจิจะออกมาช่วงที่มีอารมณ์ทางเพศและช่วงสอดใส่อวัยวะเพศ แม้จะยังไม่ได้หลั่งครับ ดังนั้นในการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันนั้น มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์แน่นอนครับ ซึ่งการทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งหากอยู่ในช่วง 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ก็ควรทานยานี้นะครับ และ หากทานถูกต้อง ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพประมาณ 89 - 92 % ครับ หรือหากจะเข้าใจง่ายๆ คือ ทานยานี้ 10 คน จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 9 คนครับ ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ โดยในระหว่างนี้ก็ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันซ้ำไปอีกนะครับ อย่างไรก็ตามก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยนะครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ และ หากประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปเกิน 2 สัปดาห์ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ ดังนั้น หมอคิดว่า ลักษณะประจำเดือนที่ผิดปกตินั้น เป็นผลจากยาคุมกำเนิดฉุกเฉินครับ

หมอขอแนะนำการคุมกำเนิดสักนิดนะครับ การคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ คือ การป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย และ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้นครับ ซึ่งการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องนั้น มีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และการใช้ถุงยางอนามัยซ้อนกันมากกว่า 1 ชั้นชึ้นไปนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้ป้องกันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ถุงยางมีโอกาสที่จะขาดและปริแตกง่ายขึ้นด้วยจากการเสียดสีกันเองของถุงยางอนามัยครับ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครับ ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ

Anonymous

20 สิงหาคม 2558 16:26:00 #3

ขอบคุณคุณหมอมากเลยนะคะที่อธิบายอย่างละเอียดพร้อมกับวิธีป้องกันอย่างถูกต้อง