กระดานสุขภาพ

กินยาคุมฉุกเฉินเม็ดที่2ไม่ตรงเวลา จะตั้งครรภ์ไหม
Anonymous

12 สิงหาคม 2558 23:05:09 #1

คือ 12 ส.ค. มีอะไรกับแฟนครั้งแรกค่ะ ตอนประมาณ5โมง-เที่ยงกว่าๆค่ะ แล้วพอเสร็จก็ไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมากิน เม็ดแรกกินตอน13.02ค่ะ แล้วต้องกินยาเม็ดที่หลังจากเม็ดแรก 12ชม.ใช่ไหมค่ะ ตามจริงหนูต้องกินตอน01.00น. (หนูนอนรอเวลานะค่ะ ยัน00.00แต่ดันหลับแบบสนิทเลย) ตื่นมาตอน05.27น. หนูเลยรีบไปกินยาทันทีเลยค่ะ แล้วก็เกิดวิตกกังวลว่ากินเกินเวลามาขนาดนี้ หนูจะท้องไหมค่ะ อยากปรึกษาคุณหมอค่ะ ช่วยบอกหน่อยน้ะค่ะ
อายุ: 17 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 53 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.70 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

12 สิงหาคม 2558 23:11:16 #2

ลืมบอกค่ะ ว่าไม่ได้ใช้ถุงยาง
Anonymous

17 สิงหาคม 2558 06:32:34 #3

จากการศึกษาการใช้ยา levonorgestrel โดยทำการแบ่งกลุ่มทดลองออกเป็นสองกลุ่ม โดยกลุ่มแรกให้รับประทานยาคุมฉุกเฉิน โดยรับประทานเม็ดที่สองห่างจากเม็ดแรก 12 ชั่วโมง ส่วนกลุ่มที่สองให้รับประทานเม็ดที่สองห่างจากเม็ดแรก 24 ชั่วโมง พบว่าปริมาณยาสะสมในกระแสเลือดของกลุ่มทดลองกลุ่มที่สองมีระดับยาต่ำกว่ากลุ่มแรกหลังจากรับประทานยาไปแล้ว 24 ชั่วโมงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจส่งผลลดประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดได้

อย่างไรก็ตามในหลายการศึกษาให้ความสำคัญต่อระยะเวลาการรับประทานเม็ดแรกมากกว่าเม็ดที่สอง โดยพบว่ายิ่งรับประทานยาเม็ดแรกหลังจากมีเพศสัมพันธ์เร็วเท่าใด จะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดของยามากขึ้น

ดังนั้นในกรณีนี้ที่รับประทานยาเม็ดที่สองเลยเวลาไป 2 ชั่วโมงนั้น อาจมีผลลดประสิทธิภาพของยาเล็กน้อย แต่ประสิทธิภาพของการคุมกำเนิดขึ้นกับเวลาในการรับประทานยาเม็ดแรกด้วย

 

ทานยาคุมฉุนเฉินไม่ควรเกิน 72 ชั่วโมงหลังจากมี พสพ.อะครับ

ผมหาข้อมูลมาได้แค่นี้นะ
ส่วนคำตอบที่จะท้องไหมนั้น

"มีโอกาสท้องได้ครับ" ยาคุมฉุกเฉินไม่ได้ป้องกันการตั้งภรรค์ได้ 100%

ปล.รอหมอมาให้คำตอบอีกทีนะครับ

Krin*****g

18 สิงหาคม 2558 10:50:51 #4

คะ ขอบคุณมากค่ะ (≧∇≦)/
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

18 สิงหาคม 2558 14:25:24 #5

ในการมีเพศสัมพันธ์ที่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ แม้สุดท้ายจะไม่ได้หลั่งด้านใน หรือ ไม่ได้คุมกำเนิด ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้นะครับ เนื่องจากในช่วงที่มีเพศสัมพันธ์จะมีอสุจิออกมากับสารคัดหลั่งที่ออกมาในช่วงนี้ แม้ปริมาณอสุจิจะน้อย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้ครับ ดังนั้นในการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันนั้น มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์แน่นอนครับ ซึ่งการทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งหากอยู่ในช่วง 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ก็ควรทานยานี้นะครับ และ หากทานถูกต้อง ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพประมาณ 89 - 92 % ครับ หรือหากจะเข้าใจง่ายๆ คือ ทานยานี้ 10 คน จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 9 คนครับ ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ ซึ่งจากประวัติหากทานยาในเม็ดที่สองช้าไปลักษณะนี้อาจทำให้ประสิทธิภาพของยาลดต่ำลงได้ครับอย่างไรก็ตามก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยนะครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ และ หากประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปเกิน 2 สัปดาห์ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ

หมอขอแนะนำการคุมกำเนิดสักนิดนะครับ การคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ คือ การป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย และ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้นครับ ซึ่งการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องนั้น มีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และการใช้ถุงยางอนามัยซ้อนกันมากกว่า 1 ชั้นชึ้นไปนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้ป้องกันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ถุงยางมีโอกาสที่จะขาดและปริแตกง่ายขึ้นด้วยจากการเสียดสีกันเองของถุงยางอนามัยครับ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครับ ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ