กระดานสุขภาพ

ขอควาทช่วยเหลือหน่อยครับ อวัยวะผมมีตุ่มแดง มีผื่นแดงแสบ
Star*****k

22 กรกฎาคม 2558 09:10:32 #1

ผมไม่ทราบว่าเกี่ยวกับยาที่กินหรือเปล่า ผมกินยาฆ่าเชื้ออยู่ เพราะว่ารู้สึกคันเวลาปัสสาวะ

เป็นเมื่อวานครับ แต่จากที่สังเกตตอนแรกมันเป็นสีช้ำๆ ผมอาบน้ำเลยถูมัน แล้วก็แสบ 

http://haamor.com/media/images/webboardpics/Startrek-23680-1.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/Startrek-23680-2.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/Startrek-23680-3.jpg

อายุ: 20 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 52 กก. ส่วนสูง: 164ซม. ดัชนีมวลกาย : 19.33 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Nuoo*****n

22 กรกฎาคม 2558 18:22:59 #2

อาจจะเกิดจากการอักเสบก็ได้นะครับผมเคยเป็นครับ(ช่วงนั้นเล่นสงกรานพอดีโดนน้ำสกปรกเลยเป็นก็คล้ายๆแบบนี้)ไปหาหมอมาครับแล้วหมอให้ยาทามาสองตัว ชื่อยาคือ tramsilone cream กล่องสีฟ้าขาว กับอีกตัวชื่อ ketonazole cream กล่อง สีขาว มีแถบเหลืองน้ำตาล ใช้ทาสองตัวคู่กัน ทาตัวไหนก่อนก็ได้เว้นรอจนยาแห้งแล้วทาอีกตัวทับต่อได้เลย ตามร้านขายยาน่าจะมีขายนะครับ ใช้ทาหลังอาบน้ำเสร็จเช้า-เย็นครับ  

ปล.ถ้าไม่แน่ใจไปหาหมอจะดีกว่าครับ

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

23 กรกฎาคม 2558 11:24:55 #3

ดูจากรูปที่ส่งมา เห็นเป็นผื่นแดงๆที่ส่วนหัวและที่หนังหุ้ม

ถ้าไม่มีความเสี่ยงทางเพศ เช่นไม่เคยเที่ยวหรือยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ หรือเคยแต้ใช้ถุงยางทุกตรั้ง อาการที่ว่าน่าจะมาจากการแพ้ยา เช่น ยาแก้อักเสบหรือยาแก้ไข่เป็นต้น รักษาโดยให้งดใช้ยาที่สงสัยว่าจะเพ้ ล้างแผล เช้าเย็น ก็จะดีขึ้นใน 7 วัน กรืออาจจะเกิดจากการที่หนังหุ้มปลายแพ้ ระคายเคืองสารที่ใช้ เช่น สบู่ยา ครีม เจลอาบน้ำ ร่วมกับความอับชื้นเนื่องจากหนังหุ้มยังไม่เปิดหรือเปิดไม่สุดหรือรัดเวลาอวัยวะเพศแข็งตัวหรือรูดลงไม่ได้สุด จึงทำความสะอาดได้ไม่ทั่วถึง

แนะนำให้ทำความสะอาดด้วยสบู่อ่อนๆ เช่นสบู่เด็ก ล้างเบาๆแล้วซับให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆ ทายาที่มีส่วนผสมของยาแก้แพ้ชนิด triamcinolone 0.02% + ยาเชื้อรา clotimazoleทาบางๆ เช้าและก่อนนอนหลังอาบน้ำ น่าจะดีขึ้นใน 5-7 วัน ในกรณีที่เป็นบ่อยอาจต้องระวังความอับชื้นและงดใช้สารที่สงสัยว่าจะแพ้และถ้าหนังหุ้มยาวเกินไปอาจต้องขลิบเพื่อให้ทำความสะอาดง่ายและไม่อับชื้น การขลิบหนังเป็นการทำศัลยกรรมที่ถือว่าไม่ซับซ้อน แพทย์ศัลยกรรมทั่วไปทำได้ครับ ต้องมีการฉีดยาชา ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงน่าจะเสร็จ ถ้ารักษาแผลให้ดี ประมาณ 2-4 อาทิตย์ แผลก็จะหายดี ประโยชน์ของการขลิบ คือ ทำความสะอาดง่ายไม่เกิดแผลเวลามีเพศสัมพันธ์และมีการวิจัยที่ทวีปแอฟริกาพบ ว่าการขลิบหนังหุ้มปลายช่วยลดการติดเชื้อเอดส์เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ขลิบ 40% แต่ ประเทศไทยยังไม่มีการศึกษาเรื่องนี้

แต่ถ้ามีความเสี่ยง เช่นเที่ยงผู้หญิง มีคู่นอนหลายคน ก็อาจเป็นโรคติดต่อ ที่พบบ่อยคือเริมซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 5 -10 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผลเจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง แต่จากรูปที่ส่งมา ไม่เหมือนแผลเริม โดยสรุป ขึ้นกับพฤติกรรมทางเพศและลักษณะของผื่นหรือแผลที่เป็น แนะนำหาหมอครับ

Star*****k

23 กรกฎาคม 2558 12:19:15 #4

ขอบคุณครับหมอ ตอนนี้รู้สึกจะแห้งแล้ว ไม่แสบ แต่รู้สึกว่าจะเป็นหนองใน

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

27 กรกฎาคม 2558 09:27:07 #5

ถ้าหายแล้ว ก็อาจจะเกิดจากการแพ้และระคายเคืองตามที่ได้ตอบไปแล้ว ส่วนเรื่องหนองใน จะมีอาการปัสสาวะแสบ และมีหนองจากท่อปปัสสาวะ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า ไนซีเรีย โกโนคอคไค สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ) ที่ดีที่สุดคือยาฉีด ceftriaxone 250 mg ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเข็มเดียว ได้ผลร้อยละ 95 ขึ้นไปครับ ส่วนอีกสาเหตุที่พบได้คือหนองในเทียม เกิดจากเชื้อหลายชนิด ที่พบมากคือเชื้อคลามัยเดียและมัยโคพลาสมา ที่สำคัญคือประมาณ 10 % ยังไม่ทราบสาเหตุ รักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ)ที่ได้ผลดีคือ ด็อกซี่ซัยคลีน หรือ อิริโทรมัยซิน กินประมาณ 2 อาทิตย์ ในปัจจุบันอาจมียาที่กินครั้งเดียว คือ อะซิโทรมัยซิน 1 กรัม แต่จะได้ผลน้อยกว่า แนะนำหาหมอครับ