กระดานสุขภาพ

ยาคุมฉุกเฉินกับประจำเดือนค่ะ
Anonymous

17 กรกฎาคม 2558 08:48:57 #1

สวัสดีค่ะ คือหนูเป็นประจำเดือนวันแรกคือ 16 พ.ค. และมีเพศสัมพันธุ์วันที่ 22 พ.ค. ประจำเดือนหนูมาไม่ตรงกันสักเดือน หนูจึงซื้อยาคุมฉุกเฉินทาน พอมาวันที่ 28 พ.ค. ประจำเดือนมาอีกหนึ่งรอบค่ะ และหลังจากนั้นเดือนมิถุนายนหนูไม่เป็นจำเดือนเลยทั้งเดือนค่ะ พอเริ่มเดือนกรกฎาคม วันที่ 13 ก.ค. หนูจึงไปซื้อที่ตรวจครรภ์แบบเป็นแผ่นมาตรวจ ทำตามขั้นตอนทุกอย่างผลการตรวจก็ขึ้นมาแค่ขีดเดียวค่ะ แต่สงสัยว่าทำไมท้องน้อยดูใหญ่จัง กดดูไม่แข็งค่ะ  ยังแขม่วท้องได้สุดแรง และสังเกตุว่าอาการของคนท้องหนูก็ยังไม่มีสักอย่างเลย พยายามไม่กังวลค่ะ แบบนี้ผิดปกติหรือเปล่าคะและหนูสามารถซื้อยาปรับฮอร์โมนมาทานเองได้มั้ยคะ ร้านขายยาทั่วไปจะมีไหม ขอบคุณ คุณหมอล่วงหน้ามากๆค่ะ
อายุ: 20 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 56 กก. ส่วนสูง: 159ซม. ดัชนีมวลกาย : 22.15 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

21 กรกฎาคม 2558 13:24:22 #2

เรียน คุณ 80191,

ก่อนตอบคำถามของคุณ. ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้นในทางการแพทย์ใช้เมื่อไม่สามารถใช้การคุมกำเนิดตามปกติได้ เช่นถูกข่มขืน หรือถุงยางอนามัยฉีกขาดจากการเก็บรักษาหรือการสวมใส่ไม่ถูกต้อง ไม่ควรใช้แทนการคุมกำเนิดปกติ เนื่องจากมีปริมาณฮอร์โมนเพศและอัตราเสี่ยงในการตั้งครรภ์ค่อนข้างสูงกว่ายาคุมกำเนิดปกติ คือ ปริมาณฮอร์โมน 1,500 ไมโครกรัม เทียบกับชนิดปกติ 50-75 ไมโครกรัม และมีอัตราเสี่ยงในการตั้งครรภ์ 8-15 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับชนิดปกติ น้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์

กลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ คือ

1. ทำให้มูกที่ปากมดลูกข้นเหนียวลดโอกาสที่ตัวอสุจิจะผ่านเข้าไปพบกับไข่

2. ทำให้ท่อนำไข่บีบตัวช้าลง. ลดโอกาสที่ไข่จะเดินทางมาพบกับตัวอสุจิ

3. ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางลง จนทำให้ตัวอ่อนมาฝังตัวไม่ได้ หากมีการผสมขิงๆข่กับอสุจิ

โดยหลังจากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินประมาณ 7-10 วัน จะมีเลือดจากเยื่อบุโพรงมดลูกฉีกขาด แต่ไม่ใช่รอบเดือนปกติ และประจำเดือนตามปกติจะล่าช้าออกไปอีก ทั้งนี้ประมาณ 1-2 เดือน จึงจะมีประจำเดือนตามปกติ. แต่วันที่มาก็มักจะเลื่อนออกไปจากเดิม. นอกจากนี้อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาที่พบมักมีเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดมวนท้อง แน่นท้อง คัดตึงเต้านม น้ำนมไหล เป็นต้น

จากข้อมูลของบริษัทยาแจ้งว่าห้ามใช้เกิน 2 กล่องต่อเดือน เนื่องจากจะเพิ่มความเสี่ยงในการเสียชีวิต สาเหตุจาการตกเลือดภายในช่องท้องที่เกิดจากการตั้งครรภ์นอกมดลูก. และจากการศึกษาวิจัย พบว่าสตรีที่ได้รับยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน มากเกินกว่า 3 ครั้งตลอดชีวิต จะมีอัตราเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่ออวัยวะต่างๆได้มากกว่าสตรีที่ได้รับยาคุมกำเนิดปกติ เช่น มะเร็งสมอง มะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูก/รังไข่ หรือมะเร็งตับ เป็นต้น

จากคำถามของคุณจึงพอสรุปได้ว่า หากผลการตรวจการตั้งครรภ์เป็นลบ คือ ไม่ท้อง / อาการแน่นท้อง เกิดจากการได้รับฮอร์โมนปริมาณสูง. ไม่แนะนำให้ซื้อยาปรับฮอร์โมนมารับประทานเอง เนื่องจากจะยิ่งทำให้ระบบฮอร์โมนยิ่งแปรปรวนกว่าเดิม แต่หากผ่านไปถึงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้แล้ว ประจำเดือนยังไม่มา แนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

ขอแนะนำเพิ่มเติม กรณีมีข้อสงสัยเร่งด่วนเกี่ยวกับการใช้ยา สามารถปรึกษาเภสัชกรร้านยาใกล้บ้านเพื่อสอบถามข้อสงสัยเฉพาะหน้าก่อน

หากยังไม่ได้แต่งงาน. และจำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์ การใช้ถุงยางอนามัยจะเหมาะสมกว่านะครับ นอกจากช่วยคุมกำเนิดแล้ว ช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย เช่น หนองใน ซิฟิลิส แผลริมอ่อน พยาธิในช่องคลอด ไวรัสเริม ไวรัสตับอักเสบ ชนิด บีหรือ ซี หรือโชคร้ายสุดคือไวรัสเอชไอวี ที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ที่ปัจจุบันยังไม่มียารักษาให้หายขาด

นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไวรัสเอชพีวี ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิง และหูดหงอนไก่/มะเร็งองคชาติในเพศชายได้อีกด้วย และคุณไม่จำเป็นต้องได้รับฮอร์โมนเพศขนาดสูงๆโดยไม่จำเป็น

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดีๆจากกองบรรณาธิการของเราที่

ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill) แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา สูตินรีแพทย์

ลีโวนอร์เจสเตรล (Levonorgestrel) เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร http://haamor.com/th/ลีโวนอร์เจสเตรล/