กระดานสุขภาพ

ใส่ถุงยางแล้วไม่แตกไม่รั่ว +กินยาคุม จะท้องไหมค่ะ
Anonymous

2 กรกฎาคม 2558 12:14:40 #1

ปจด. มาวันที่ 25 พ.ค. ค่ะ หมดวันที่ 30 พ.ค. ค่ะ แล้ววันที่ 27 มิ.ย มี พสพ. กับแฟนครั้งแรกค่ะ แฟนใส่ถุงนะคะ พอใกล้จะเสร็จแฟนก็ชักออกมาข้างนอกแล้วหลั่งนอกค่ะ พอเสร็จแล้ว เราไม่รู้สึกเลยค่ะว่ามีน้ำรั่วออกมา แฟนบอกว่าถุงไม่แตก ไม่รั่ว (แต่เราไม่ได้ตรวจเองค่ะ) แต่เราเชื่อว่าไม่รั่วเพราะเราไม่เห็นหรือรู้สึกว่ามีน้ำเลอ ออกมาเลยค่ะ หลังจากมี พสพ. กัน ประมาณ 48 ชั่วโมง ก็กินยาคุมฉุกเฉินเพราะกลัวค่ะ ปจด.ไม่มา ปกติแจด.จะมาเรทประมาณ 4-5 วัน แต่ก็กลัวค่ะ เลยกินยาคุมฉุกเฉินไป แต่หลังจากนั้นเมนส์ยังไม่มาเลยค่ะ กลัวมาก อยากถามว่า มีโอกาสท้องไหมคะ? แล้วที่ประจำเดือนมาช้าเป็นเพราะยาคุมฉุกเฉินด้วยรึเปล่า ปล. เราพึ่งรู้ว่าไม่ให้ใช้วาสรินกับถุงยางหลังจากที่กินยาคุมฉุกเฉินไปแล้วค่ะ แต่ดูแล้วถุงไม่รั่วนะคะ ขอรบกวนช่วยตอบคำถามด้วยนะค่ะ อบคุณมากๆค่ะ
อายุ: 21 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 45 กก. ส่วนสูง: 161ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.36 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

2 กรกฎาคม 2558 12:22:55 #2

เสริมค่ะ : คือว่ารูเรามันเล็กค่ะแฟนเลยใช้วาสรินช่วย แต่ถุงก็ไม่ได้รั่วนะค่ะ แล้วเราก็กังวลมากเลยเครียดแถมเพรียๆ มันจะเป็นผลข้างเคียงของความเครียดรึเปล่าค่ะ
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

11 กรกฎาคม 2558 05:17:58 #3

หากทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์มีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี สวมใส่ก่อนสอดใส่อวัยวะเพศทุกครั้ง ไม่ว่าจะหลั่งด้านในหรือด้านนอก ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องตั้งครรภ์ครับ และไม่จำเป็นที่ต้องทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินด้วยครับ แต่หากทานไปแล้ว ก็ไม่เป็นอะไรครับ แต่ในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ ทำให้รอบประจำเดือนไม่มาตามกำหนดเช่นในกรณีนี้เลยครับ

ส่วนการใช้วาสลีนนั้น จะทำถุงยางอนามัยปริแตกได้ง่ายนะครับ หากต้องการใช้เจลหล่อลื่น ก็ควรใช้เจลที่ใช้การมีเพศสัมพันธ์จะดีกว่าครับ ซึ่งหมอขอแนะนำการคุมกำเนิดสักนิดนะครับ การคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ คือ การป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย และ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้นครับ และ เรื่องถุงยางอนามัยที่มีปัญหานั้น โดยปกติแล้วกระบวนการผลิตถุงยางอนามัยนั้น ค่อนข้างรัดกุมมากนะครับ การที่จะขาด รั่ว หรือ ปริแตกนั้นเกิดได้น้อยมากแต่หากเกิดมักเกิดจากการใช้ที่ผิดวิธีครับ ซึ่งการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องนั้น มีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และการใช้ถุงยางอนามัยซ้อนกันมากกว่า 1 ชั้นชึ้นไปนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้ป้องกันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ถุงยางมีโอกาสที่จะขาดและปริแตกง่ายขึ้นด้วยจากการเสียดสีกันเองของถุงยางอนามัยครับ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครับ ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ