กระดานสุขภาพ

ตกขาวมีเลือดปนหลังมีประเดือนแล้วคืออะไรคะ
Tong*****g

2 กรกฎาคม 2558 10:13:03 #1

คุณหมอคะ หนูหนักใจมากเลยคะ คือหนูจะเล่าตั้งแต่ต้นและอยากถามคุณหมอว่า เดือนที่แล้วหลังที่มีประจำเดือน มีอะไรกับแฟนแล้วไม่ได้ใส่ถุงยาง เอาเข้าไปแป้บเดียวไม่สำเร็จความใคร แต่กลัวเลยกินยาคุมฉุกเฉินให้เวลาที่กำหนดครบ2เม็ด เป็นอะไรไหมคะท้องไหมคะ ? ผ่านมาช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา(มิถุนา) เริ่มมีตกขาวปนเลือด อยู่หลายวัน อยากทราบว่าทำไมตกขาวและมีเลือดปนคะ ? จนมาถึงวันที่1เดือน(กรกฎาคม) มีอะไรกับแฟนอีกครั้ง แฟนสำเร็จความใครและหลังมีอะไรกับแฟนหนูมีเลือดออกมาเยอะมาก อยากทราบว่าคือเลือดอะไรคะ ? !!!!! แล้วหนูจะติดเชื้อไหมคะท้องไหมคะกลัวคะตอบหน่อยนะคะ ขอบคุณมากคะ
อายุ: 19 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 49 กก. ส่วนสูง: 161ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.90 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

2 กรกฎาคม 2558 13:22:42 #2

เหมือนกันเลยคะ กลัวมากๆมีคราบเหลืองๆดำๆคล่ำมีกลิ่นด้วยนะคะเหมือนเป็นเลือดอะคะที่แห้งแล้วประมาณนี้ แต่ไม่ใช่ ปจด. แต่เป็นทุกวันเลยคะ
Tong*****g

2 กรกฎาคม 2558 14:15:35 #3

เพิ่มเติมนะคะ* ครั้งที่สองที่มีอะไรกับแฟนใส่ถุงยางร่วมด้วยคะพอแฟนเสร็จ หนูก็มีเลือดคะเยอะพอสมควรเปอะที่นอนคะเต็มมือแฟนขาเราไปหมดเลยคะ คือเลือดอะไรคะคุณหมอ กลัวมากคะ
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

3 กรกฎาคม 2558 16:30:29 #4

ถ้ามีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีประจำเดือนมาไม่เกิน 5 วัน นับจากวันแรกที่มีประจำเดือนมาถือเป็นระยะที่ปลอดภัย ไม่ตั้งครรภ์แน่นอน แต่ถ้าเกินจากนี้อาจจะเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้ ในกรณีที่มีรอบเดือนมาตามปกติทุก 28-30 วัน ระยะปลอดภัยที่จะไม่ตั้งครรภ์คือช่วง 7 วันก่อนและหลังจากมีประจำเดือน อย่างเราก็ตามคุณไม่มีการหลั่งภายใน ก็ไม่ควรตั้งครรภ์ และยังทานยาคุมฉุกเฉินอีกจึงไม่ควรตั้งครรภ์แน่นอน เลือดที่ออกมาช่วงปลายเดือนมิถุนายนน่าจะเป็นช่วงที่เพิ่งจะมีรอบเดือนมาระยะแรกๆ เมื่อมีเฑศสัมพันะ์เลือดออกมาปริมาณมากน่าจะเป็นรอบเดือนที่กำลังจะมาพอดี เลยมีเลือดออกมาปริมาณมาก ไม่ควรตั้งครรภ์เพราะแฟนได้สวมถุงยางในช่วงที่มีเพศสัมพันธ์ด้วย ตอนนี้ควรสังเกตอาการไปก่อน ถ้าเลือดที่ออกมามากเหมือนประจำเดือนและหยุดไปได้เองก็ไม่ต้องทำอะไร น่าจะเป็นประจำเดือนแน่นอนค่ะ

Anonymous

4 กรกฎาคม 2558 03:22:39 #5

ขอบคุณคุณหมอมากคะ สบายใจขึ้นอีกระดับนึงคะจะดูโอกาสต่อไปนะคะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

11 กรกฎาคม 2558 05:16:08 #6

หากเดิมเป็นคนที่ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ ตรงรอบดี วันที่มีเพศสัมพันธ์นั้นอยู่ในช่วงหลัง 7 วันหลังจากมีประจำเดือนวันแรก ซึ่งช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ไม่มีการตกไข่ หากมีเพศสัมพันธ์ช่วงนี้ จะไม่ทำให้ตั้งครรภ์ครับ แต่หากมีช่วงที่มีประจำเดือนพอดี จะทำให้ฝ่ายหญิงมีโอกาสที่จะติดเชื้อหรือมีการอักเสบในอุ้งเชิงกรานได้ง่าย เนื่องจากในช่วงนี้เยื่อบุโพรงมดลูกกำลังลอกตัวออกมา ทำให้มีโอกาสที่จะติดเชื้อได้ง่ายครับ ดังนั้น หมอคิดว่า ควรให้ประจำเดือนน้อยลงเสียก่อน เช่น ให้พ้น 2-3 วันหลังประจำเดือนวันแรกไปก่อน และ ไม่จำเป็นต้องทานยาอะไรเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์หรือโรคอะไรนะครับ

ส่วนเลือดที่ออกมากะปริดกะปรอยนั้น น่าจะเป็นผลจากการที่ทานยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนะครับ ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ ส่วนในเรื่องของตกขาวนั้น เบื้องต้นแล้ว ตกขาวที่อาจมีได้ช่วงนี้ ก็เป็นผลจากฮอร์โมนที่สูงขึ้นหลังจากไข่ ซึ่งจะอยู่ในช่วงกลางรอบเดือนครับ และสามารถพบสารคัดหลั่งนี้มากขึ้นจนถึงช่วงใกล้ๆมีประจำเดือนได้ครับ แต่จะไม่มีอาการผิดปกติ เช่น คัน กลิ่นเหม็น หรือ เลือดปนครับ ซึ่งไม่ผิดปกตินะครับ ดังนั้น หมอแนะนำให้สังเกตุอาการไปก่อน แต่หากหากตกขาวผิดปกติที่เป็นลักษณะสีขาวเหลือง คล้ายทิชชูเปียกหรือ นมโยเกิตร่วมด้วย และ มีอาการคันเป็นหลักนั้น จะเป็นอาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดครับ และในบางท่านอาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้ การรักษาหลักนั้น หากมีอาการภายในช่องคลอด ยาที่ใช้โดยทั่วไปเป็นมาตรฐานจะเป็นยาในช่ือสามัญ clotrimazole ครับ เป็นลักษณะเม็ด ใช้เหน็บช่องคลอด เป็นเวลา 7 วันนะครับ หากมีอาการภายนอกด้วย ก็อาจลองใช้ยาที่มีช่ือสามัญ clotrimazole ชนิดทา ทาก็ได้ครับ ที่สำคัญ ต้องทาบริเวณที่เป็นรอยโรค โดยเฉพาะอย่างย่ิง ที่ขอบ เพราะเชื้อราจะอยู่บริเวณนี้มากๆ และ เป็นบริเวณที่แบ่งตัว ลามต่อไปครับ ทาจนอาการดีชึ้นจนหาย และ ทาต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้น จะเป็นซ้ำได้ง่าย และในช่วงที่มีประจำเดือน อาจเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยขึ้นเพื่อลดความอับชื้นนะครับ ส่วนหากมีลักษณะกลิ่นเหม็น หรือ คันมาก ตกขาวเป็นสีเขียวเหลืองจะเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดนะครับ ดังนั้น หมอแนะนำหากตกขาวยังคงผิดปกติอยู่ หรือ เลือดออกกะปริดกะปรอยมากก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายใน หาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ

สุดท้ายหมอขอแนะนำการคุมกำเนิดสักนิดนะครับ การคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ คือ การป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย และ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้นครับ ซึ่งการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องนั้น มีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และการใช้ถุงยางอนามัยซ้อนกันมากกว่า 1 ชั้นชึ้นไปนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้ป้องกันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ถุงยางมีโอกาสที่จะขาดและปริแตกง่ายขึ้นด้วยจากการเสียดสีกันเองของถุงยางอนามัยครับ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครับ ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ