กระดานสุขภาพ

กินยาคุมฉุกเฉินแล้วไม่มีเลือดไหลเลย หลังจากกินยาแล้ว
Anonymous

26 มิถุนายน 2558 16:37:32 #1

คือ ประจำเดือนมาครั้งสุดท้ายมาประมาณวันที่ 27 เมษ. แล้วก็หายวันที่ 3 ของเดือนพฤษภาคม แล้วหนูก็ได้มีอะไรกับแฟนครั้งแรกวันที่ 9 ของเดือนพฤษภา แล้วเค้าไม่ได้ใส่ถุงยาง แต่เค้าบอกว่าไม่เสดค่ะ แล้วเค้าก็พาหนูไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมากิน หลังจากมีอะไร 1 ชม. แล้วหลังจากได้ 5 วัน ก็มีเลือดออกประมาณวันที่ 13 หรือ 14 ประมาณนี้ค่ะ. แล้วก้อหายไปประมาณ 18 หรือ 19 หนูก็จำไม่ได้ แล้วหลังจากนั้นก็ไม่มีประจำเดือนอีกเลยค่ะ แล้วหนูก็มีอะไรกับแฟนตลอดหลังจากนั้นอาทิตย์ละครั้งแต่ใส่ถุงยางตลอดค่ะ. จนวันที่ 18 หนูไปเล่นบ้านแฟนแล้วหนูก็มีอะไรกับแฟน แฟนใส่ถุงยางค่ะ แต่ถุงยางเกิดแตก. หนูเลยรีบให้แฟนไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมาให้กินค่ะ หลังจากมีอะไรกันประมาณ 30-45 นาที. กินตามที่หมอบอกค่ะ. หนูกินตอนประมาณ 22.00 คือเม็ดแรก แล้วเม็ดที่สองตอนประมาณ 10:00. แล้วหลังจากกินยาไปได้ 2 วัน หนูก็วนหัว หน้ามืด เจ็บหัวนม แล้วก็ปวดท้องน้อยปวดแบบแปปๆค่ะ. แล้วหัวใจก็เต้นเร็วกว่าปกติ เร็วและเต้นแรงชีพจรก็เหมือนกัน เมื่อวันที่ 24 ที่ รร. มีตรวจสุขภาพ หนูวัดหัวใจได้ 107 ครั้งต่อนาที. แต่ความดันปกติค่ะ แล้วหนูก็มีอาการปวดกลังร่วมด้วยค่ะ นี้ก็ผ่านมาจะ 9 วันแล้ว ยังไม่มีเลือดออกเลยค่ะ แต่วันที่ 25 หนูไปซื้อที่ตรวจมาตรวจ หนูตรวจประมาน 19:30 ผลออกมาขีดเดียว แล้วที่ผ่านมาหนูมีความเครียดด้วยค่ะ.แฟนเค้าไม่ติดต่อหนูเลย หนูอยากถามว่า -หนูจะท้องไมค่ะ -แล้วเมื่อไรประจำเดือนหนูจะมา แล้วมีสาเหตุเกิดจากอะไร -แล้วหัวใจหัวปกติหรือเปล่าค่ะ -แล้วหนูต้องทำยังไงต่อจากนี้ค่ะ -ต้องซื้อยาสตรีมากินหรือเปล่า ****หนูอายุ 17 จะเข้า 18 หนัก 42 สูง 151
อายุ: 17 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 42 กก. ส่วนสูง: 151ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.42 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

2 กรกฎาคม 2558 08:21:06 #2

ในการมีเพศสัมพันธ์ที่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ แม้สุดท้ายจะไม่ได้หลั่งด้านใน หรือ สอดใส่ก่อนที่จะใส่ถุงยางอนามัย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้นะครับ เช่นเดียวกันกับการมีเพศสัมพันธ์นั้นใช้ถุงยางอนามัยแล้วมีปัญหา ขาด รั่ว หรือ ปริแตก เนื่องจากในช่วงที่มีเพศสัมพันธ์จะมีอสุจิออกมากับสารคัดหลั่งที่ออกมาในช่วงนี้ แม้ปริมาณอสุจิจะน้อย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งการที่เช็ดนำ้อสุจิหลังมีเพศสัมพันธ์หรือก่อนสอดใส่ หรือ การไปปัสสาวะก่อนที่จะร่วมเพศ ก็ไม่ได้ช่วยทำให้การตั้งครรภ์น้อยลงหรือเป็นการลดปริมาณอสุจินะครับ เพราะ อสุจิจะออกมาช่วงที่มีอารมณ์ทางเพศและช่วงสอดใส่อวัยวะเพศ แม้จะยังไม่ได้หลั่งครับ ดังนั้นในการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันนั้น มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์แน่นอนครับ ซึ่งการทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งหากอยู่ในช่วง 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ก็ควรทานยานี้นะครับ และ หากทานถูกต้อง ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพประมาณ 89 - 92 % ครับ หรือหากจะเข้าใจง่ายๆ คือ ทานยานี้ 10 คน จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 9 คนครับ ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ อย่างไรก็ตามก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยนะครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ และ หากประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปเกิน 2 สัปดาห์ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ

เรื่องยาสตรีหรือสารต่างๆที่มีผลในแง่นี้นั้นอาจเป็นสาเหตุของเลือดออกผิดปกติได้ ซึ่งจากประวัติที่กล่าวมานั้น มีการทานยาในกลุ่มนี้ซึ่งตามความเห็นของหมอแล้ว ยาที่กล่าวมานั้นมีจะมีสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมนเอสโตรเจนในเพศหญิง ที่เรียกว่า phytoestrogens ครับ ซึ่งการควบคุมปริมาณของสารที่ออกฤทธ์ิคล้ายฮอร์โมนนี้ที่ต้องการมารักษาอาการผิดปกตินั้น ทำได้ยากมาก ไม่สามารถทำให้คงที่ แน่นอนในแต่ละครั้งที่ทาน และยังมีความแตกต่างในด้านส่วนประกอบในแต่ละชนิดยาอีกด้วย ดังนั้น การที่จะนำมาเพื่อการรักษาอาการเลือดประจำเดือนผิดปกติ หรือ มาใช้เพื่อควบคุมปรับรอบประจำเดือนนั้น ยังอาจนำมาใช้ค่อนข้างยากลำบากครับ เนื่องจากมีผลต่อการตกไข่ ทำให้ไม่มีการตกไข่ ซึ่งมีผลต่อทำให้ไม่มีประจำเดือน หรือ ประจำเดือนเลื่อนออกไปได้ครับ และ อาจยังทำให้เลือดประจำเดือนมาผิดปกติได้ อาจมาปริมาณมาก กะปริดกะปรอยได้อีกด้วย ดังนั้น ในความเห็นของหมอ หมอคิดว่า ไม่ควรทานยาประเภทนี้นะครับ เพราะ นอกจากจะไม่รักษาที่สาเหตุแล้ว ยังอาจทำให้เกิดความผิดปกติที่เกิดขึ้นใหม่อีก เช่น เลือดออกผิดปกติ เป็นต้นครับ

หมอขอแนะนำการคุมกำเนิดสักนิดนะครับ การทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินบ่อยๆ หรือ เป็นกิจวัตรนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำเนื่องจาก ผลข้างเคียงของยาแล้ว ยังมีผลทำให้การป้องกันมีประสิทธิภาพน้อยลง เลือดประจำเดือนมาไม่เป็นรอบ กะปริดกะปรอย เป็นต้นครับ ควรคุมกำเนิดด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพดีกว่านี้ ซึ่งการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ คือ การป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย และ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้นครับ ซึ่งการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องนั้น มีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และการใช้ถุงยางอนามัยซ้อนกันมากกว่า 1 ชั้นชึ้นไปนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้ป้องกันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ถุงยางมีโอกาสที่จะขาดและปริแตกง่ายขึ้นด้วยจากการเสียดสีกันเองของถุงยางอนามัยครับ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครับ ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ