กระดานสุขภาพ

ขอคำปรึกษาครับ
Natp*****c

15 มิถุนายน 2558 06:07:32 #1

ผมมีอะไรกับแฟน วันที่11และ 14 มิย.ครับ ผมมีอะไรโดยการใส่ถุงยางครับและหลั่งนอกครับ แต่ครั้งที่ 2 ผมทำไปสักพักแล้วเอาออกมาช่วยตัวเองครับ ตอนผมถอดถุงยาง มันมีน้ำสีขาวจางๆ หยดออกมาตอนถอดครับ แต่ผมยังำม่เสร็จครับมันเป็นน้ำหล่อลื่นของผมหรือแฟนครับ แต่ผมเอาถุงยางไปตรวจมันก้ไม่รั่วไม่แตกครับและผมทำตามวิธีที่ถูกต้องแล้วนะครับ ใส่ก่อสอดใส่เสมอ แต่ผมรู้สึกกลัวว่าผมอาจพลาดได้อ่ะครับ ผมควรให้แฟนกินยาคุมไหมครับหรือผมคิดมากไปเอง
อายุ: 18 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 50 กก. ส่วนสูง: 178ซม. ดัชนีมวลกาย : 15.78 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

18 มิถุนายน 2558 13:22:59 #2

หากทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์มีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี สวมใส่ก่อนสอดใส่อวัยวะเพศทุกครั้ง ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องตั้งครรภ์ โดยที่ถุงยางอนามัยก็ช่วยป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้ระดับหนึ่งอีกด้วยครับ ดังนั้น ไม่ว่าจะหลั่งด้านในหรือด้านนอก ก็ไม่ทำให้ตั้งครรภ์ครับ สบายใจได้ ซึ่งหมอขอแนะนำการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องสักนิดนะครับ ซึ่งมีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และการใช้ถุงยางอนามัยซ้อนกันมากกว่า 1 ชั้นชึ้นไปนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้ป้องกันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ถุงยางมีโอกาสที่จะขาดและปริแตกง่ายขึ้นด้วยจากการเสียดสีกันเองของถุงยางอนามัยครับ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ดังนั้น หากใช้ถุงยางถูกต้อง ก็ไม่จำเป็นต้องทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินนะครับ และ น้ำขาวๆนั้น อาจเป็นสารคัดหลั่งที่ออกมาช่วงมีเพศสัมพันธ์นะครับ

แต่หากสารคัดหลั่งนั้น มีลักษณะเป็นตกขาวผิดปกติที่เป็นลักษณะสีขาวเหลือง คล้ายทิชชูเปียกหรือ นมโยเกิตร่วมด้วย และ มีอาการคันเป็นหลักนั้น จะเป็นอาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดครับ และในบางท่านอาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้ การรักษาหลักนั้น หากมีอาการภายในช่องคลอด ยาที่ใช้โดยทั่วไปเป็นมาตรฐานจะเป็นยาในช่ือสามัญ clotrimazole ครับ เป็นลักษณะเม็ด ใช้เหน็บช่องคลอด เป็นเวลา 7 วันนะครับ หากมีอาการภายนอกด้วย ก็อาจลองใช้ยาที่มีช่ือสามัญ clotrimazole ชนิดทา ทาก็ได้ครับ ที่สำคัญ ต้องทาบริเวณที่เป็นรอยโรค โดยเฉพาะอย่างย่ิง ที่ขอบ เพราะเชื้อราจะอยู่บริเวณนี้มากๆ และ เป็นบริเวณที่แบ่งตัว ลามต่อไปครับ ทาจนอาการดีชึ้นจนหาย และ ทาต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้น จะเป็นซ้ำได้ง่าย และในช่วงที่มีประจำเดือน อาจเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยขึ้นเพื่อลดความอับชื้นนะครับ ส่วนหากมีลักษณะกลิ่นเหม็น หรือ คันมาก ตกขาวเป็นสีเขียวเหลืองจะเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดนะครับ ดังนั้น หมอแนะนำหากตกขาวยังคงผิดปกติอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายใน หาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ