กระดานสุขภาพ

ยาคุมกำเนิด
Kook*****7

3 มิถุนายน 2558 10:46:31 #1

สวัสดีค่ะคุณหมอ ดิฉันรับประทานยาคุมกำเนิดมาติดต่อกันเป็นแผงที่3แล้วค่ะ แผงที่3 ดิฉันก็รับประทานกันอย่างต่อเนื่องและในเวลาเดียวกันคือ1ทุ่มของทุกวัน แต่ดิฉันท้องเสียมาเป็นเวลา2วัน ซึ่งตรงกับยาคุมกำเนิดเม็ดที่ 13และ14 หลังจากนั้นได้มีเพศสัมพันธ์ ซึ่งลืมไปเลยว่าจริงๆแล้วกรณีอาเจียรและท้องเสียโดยปกติต้องรับประทานยาทดแทน ดิฉันอยากทราบว่า

1.ดิฉันควรรับประทานยาคุมกำเนิดเม็ดที่15ต่อไป หรือ

2.ดิฉันควรรับประทานยาคุมฉุกเฉิน

หากว่าดิฉันรับประทานยาคุมฉุกเฉิน แล้วรอจนกว่าประจำเดือนมา ดิฉันจะเริ่มรับประทานยาคุมกำเนิดแผงใหม่ได้ในวันแรกที่ประจำเดือนมาใช่หรือไม่ค่ะ

อายุ: 25 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 50 กก. ส่วนสูง: 162ซม. ดัชนีมวลกาย : 19.05 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

4 มิถุนายน 2558 15:19:17 #2

เรียน คุณ kook.pichayanee.7

ขออนุญาตให้ข้อมูลเพิ่มเติม การรับประทานยาคุมกำเนิดนั้น เป็นการออกฤทธิ์ยาแบบเม็ดต่อเม็ด แผงต่อแผง ไม่เกี่ยวข้องกับการรับประทานยามานานขนาดไหน ไม่มีการเก็บสะสมของตัวยา

- คุณไม่ได้ให้ข้อมูลมาว่าอาการท้องเสียนั้น เกิดขึ้นหลังจากรับประทานยานานเท่าใด หากเกินกว่า 2 ชั่วโมง ตัวยาส่วนใหญ่ก็จะละลายและมีการดูดซึมเกือบหมดแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องรับประทานยาเม็ดใหม่เสริม แต่หากท้องเสียตลอดเวลา ใกล้เคียงกับเวลาที่รับประทานยาคุมกำเนิด น้อยกว่า 2 ชั่วโมง ไม่แนะนำให้รับประทานยาเสริม เนื่องจากตัวยาจะถูกกำจัดออกหมด ในช่วงที่ยังคงมีอาการท้องเสีย หรือ อาเจียน แนะนำให้ใช้การสวมถุงยางอนามัยในช่วง 7 วันที่ยังคงมีอาการอยู่

1. หากเวลาที่ท้องเสียหรืออาเจียน ไม่ได้ใกล้เคียงกับเวลาที่รับประทานยา อาจพิจารณารับประทานยาคุมกำเนิดเม็ดที่ 15 ต่อไปได้ ร่วมกับการใช้ถุงยางอนามัย

2. ห้ามรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ร่วมกับการรับประทานยาคุมกำเนิดตามปกติ เนื่องจากมีกลไกการออกฤทธิ์คล้ายกัน นอกจากนี้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินยังมีปริมาณฮอร์โมนเพศที่สูงมาก ส่งผลให้

  • ต้านฤทธิ์กับยาคุมกำเนิดปกติ
  • ส่งผลให้ประจำเดือนมาล่าช้า หรือไม่มาตามกำหนด สาเหตุไม่ทราบว่าเกิดจากการตั้งครรภ์หรือเกิดจากยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน
  • ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมีอัตราล้มเหลวในการป้องกันการตั้งครรภ์ประมาณ 8-15 เปอร์เซ็นต์ และปริมาณฮอร์โมนเพศที่สูงอาจทำให้เกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูก จากกลไกการออกฤทธิ์ของยาคุมฉุกเฉิน
  • ที่ทำให้ท่อนำไข่บีบตัวช้าลง เมื่อเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูก ส่วนใหญ่จะเกิดการฉีกขาด ตกเลือด จนเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้
  • ปริมาณฮอร์โมนเพศที่สูงมาก (1500 ไมโครกรัม เทียบกับชนิดปกติ 50-75 ไมโครกรัม) จากข้อมูลการศึกษาวิจัยพบว่าสตรีที่ได้รับยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมากเกินกว่า "3 ครั้ง ตลอดชีวิต" จะมีอัตราเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่ออวัยวะต่าง ๆสูงหลายเท่า เมื่อเทียบกับสตรีที่ได้รับยาคุมกำเนิดปกติหรือไม่เคยได้รับยาคุมกำเนิดมาก่อน เช่น มะเร็งสมอง มะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูก/รังไข่ หรือมะเร็งตับฯ

สรุป หากมีความจำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์ โดยที่ไม่สามารถปฏิเสธแฟนคุณได้ แนะนำให้ใช้วิธีการสวมถุงยางอนามัย แทนการรับประทานยาแผงเดิม และรอจนกว่าประจำเดือนจะมา แล้วเริ่มรับประทานยาแผงใหม่ เหมือนกับการรับประทานยาคุมกำเนิดแผงแรก คือให้รับประทานยาเม็ดแรกภายในวันแรกที่มีประจำเดือน เพื่อให้ตัวยาออกฤทธิ์ยับยั้งไม่ให้มีไข่ตกได้ภายใน 24 ชั่วโมงแรกที่รับประทานยา

ส่วนยาแผงที่เหลือ สามารถเก็บไว้เป็นยาแผงสำรอง หากมีอาการผิดปกติต่อระบบทางเดินอาหารอีก และขอแนะนำว่า คุณสามารถสอบถามข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้ยาเร่งด่วนได้จากเภสัชกรประจำร้านยาใกล้บ้าน เพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างทันที ไม่ควรรอคำตอบจากทางหน้าเว็บ ซึ่งอาจช้าไป ไม่ทันการ ไม่สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดได้ทัน เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายถึงชีวิตได้

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล