กระดานสุขภาพ

อยากถามเกี่ยวกับโรคเริมและต่อมน้ำเหลืองครับ
S4ve*****z

27 พฤษภาคม 2558 18:52:02 #1

คือผมเป็นเริมบ่อยๆครับ แต่จะปวดต่อมตรงขาหนีบข้างซ้ายบ่อยมากๆ แม้จะไม่เป็นเริม มันเกี่ยวกันไหมครับ แล้วมีวิธีรักษาไหมครับ ปวดอย่างเดียวครับไม่บวมไม่โต ไม่แดงไม่มีอะไร
อายุ: 20 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 53 กก. ส่วนสูง: 182ซม. ดัชนีมวลกาย : 16.00 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

29 พฤษภาคม 2558 15:46:03 #2

ถ้าเคยเป็นเริม ก็จะมีโอกาสเป็นๆหายๆได้

ขออธิบายเรื่องเริมดังนี้ เริมเป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล เจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อเริม (ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่เรียกว่า เฮอร์ปีส์ Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรงและหายเองได้ ต้องระวังการมีเพศสัมพันธ์ เพราะจะติดต่อได้ง่าย ในกรณีของคุณ เป็นซ้ำๆ ก็ไม่จำเป็นต้องกินยา ให้ล้างด้วยน้ำเกลือล้างแผลที่ซื้อตามร้านขายยาก็จะหายใน 1 อาทิตย์ ส่วนเรื่องเจ็บที่ขาหนีบโดยไม่บวม อาจจะเป็นอาการนำของการเป้นเริมได้ เพราะจะเสียวแปลบๆ จากเชื้อไวรัสที่อยู่ที่ปลายประสาทบริเวณผิวหนัง แต่ถ้ามีอาการเป็นก้อนโต ก็อาจเป็นต่อมน้ำเหลือง แนะนำหาหมอ และควรจะตรวจเลือดเอดส์และซิฟิลิส โดยใช้สิทธิที่มี เช่น ประกันสังคม หรือบัตรทอง ไม่ต้องเสียค่าตรวจ