กระดานสุขภาพ

เจ็บอวัยวะเพศ หลังมีเพศสัมพันธ์ครับ
Anonymous

3 ธันวาคม 2555 14:04:16 #1

ผมมีเพศสัมพันธ์ในคืนวันที่ 30 ครับ ตอนนั้นใส่ถุงยาง แล้วถุงยางหลุดภายในโดยไม่รู้ตัว หลังจากนั้นตอนอาบน้ำ ผมสังเกตเห็นมีรอยเหมือนแผล หรือรอยถลอกเล็กๆ บนหัวอวัยวะเพศ ด้านใน ใต้หนังหุ้มปลายครับ (ผมเป็นคนที่หนังหุ้มปลายไม่เปิดตลอด แต่เปิดมาทำความสะอาดบ่อยๆ ครับ)

วันที่ 1 ทุกอย่างก็เหมือนจะปกติดีครับ มีอาการระคายเคืองเล็กน้อยตอนฉี่ คิดว่าเป็นเพราะแผลนั้น

วันที่ 2 เริ่มมีการระคายเคืองมากขึ้นเล็กน้อย

วันที่ 3 นี่แหละครับปัญหา มีอาการเจ็บแปลบๆ (เหมือนจะแสบร้อน) ที่ปลายอวัยวะขณะฉี่ครับ หลังจากนั้นตอนค่ำๆ ก็สังเกตเห็นว่ามีน้ำสีขาวขุ่น ข้นๆ เหนียวๆ ออกมาจากปลายอวัยวะเพศครับ ตอนจับก็ไม่ไดเจ็บมาก แต่ตอนฉี่จะค่อนข้างเจ็บครับ

 

ผมเป็นอะไรมากมั้ยครับ และควรจะรักษา หรือป้องกันอาการลุกลามยังไงดีครับ

รบกวนด้วยครับ

อายุ: 22 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 60 กก. ส่วนสูง: 175ซม. ดัชนีมวลกาย : 19.59 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

3 ธันวาคม 2555 14:37:52 #2

ถ้ามีอาการผิดปกติ แสบร้อน มีสีขาวขุ่นออกมา  ลองให้หมอที่โรงพยาบาลรักษาดีกว่านะครับ
น้ำที่ออกมาคล้ายหนองหรือเปล่า กลัวจะเป็นหนองใน ถ้ารอไม่ไหวพรุ่งนี้เช้า

เข้าโรงพยาบาลดีกว่าครับ  ผมก็เป็นคนไข้รอคุณหมอตอบคำถามเหมือนกันครับ

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

4 ธันวาคม 2555 18:06:48 #3

หลังมีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ โดยที่ถุงยางหลุดโดยไม่รู้ตัว มีอาการปัสสาวะแสบขัดและมีหนอง ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นโรคหนองใน ซึ่งเกิดจากเชื้อ แบคทีเรียที่เรียกว่า Neisseria gonorrhoeae ประมาณ 50% พบว่ามีการติดเชื้อหนองในเทียมร่วมด้วยซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อ Chlamydia tracomatis

การรักษาต้องรักษาทั้ง 2 โรคไปพร้อมกัน ยาที่ดีที่สุดสำหรับโรคหนองใน คือ Ceftriaxone เป็นยาฉีดเข้ากล้ามเนื้อบริเวณสะโพก ขนาดที่ใช้คือ 250 มิลลิกรัม เข็มเดียวได้ผล 95-100 % สำหรับหนองในเทียมให้ใช้ doxycycline กินครั้งละ 100 มิลลิกรัม เช้า เย็น นาน 2 อาทิตย์ หรือ azithromycin ขนาด 250 มิลลิกรัม กินครั้งเดียว 4 เม็ด (1 กรัม)

ต้องรักษาคู่นอนด้วยครับ และที่สำคัญต้องตรวจดูว่าจะมีโรคติดต่ออื่นร่วมด้วยหรือไม่ เช่นตรวจเลือดหาเชื้อซิฟิลิส โรคเอดส์ เป็นต้น ซึ่งทั้ง 2 โรคนี้มีระยะฟักตัวนานถึง 3 เดือน แนะนำตรวจตอนนี้ ถ้าปกติตรวจอีกครั้งตอนครบ 3 เดือน และอย่าลืมนะครับ ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์

 

นพ.อนุพงศ์

Anonymous

5 ธันวาคม 2555 01:57:45 #4

ขอบคุณครับ

เมื่อวานนี้ผมไปหาหมอมาแล้ว หมอบอกว่าเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ แล้วก็ให้ยามาเป็น Norfloxacin โดยให้กินครั้งละท1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง รวม 5 วัน และยา diclofenac อีกวันละ 3 เม็ดครับ

แต่ผมยังไม่แน่ใจเท่าไรครับ เพราะรู้สึกเหมือนจะตรวจไม่ค่อยละเอียด และผมก็มีน้ำเหมือนหนองออกมาด้วย ผมรู้มาว่ายานี้ใช้รักษาโรคหนองในได้เหมือนกัน แต่วิธีกินต่างกัน ไม่ทราบว่าถ้าผมเป็นหนองในจริงๆ แล้วรักษาด้วยยาตามที่หมอสั่งต่อไป ผมจะหายมั้ยครับ หรือถ้าผมจะเปลี่ยนวิธีกินยา ผมต้องเว้นระยะ หรือทำอย่างไรก่อนมั้ยครับ

รบกวนด้วยครับ

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

5 ธันวาคม 2555 14:14:31 #5

Norfloxacin กินครั้งเดียว ขนาด 800 มิลิกรัม เคยเป็นยาที่รักษาโรคหนองในได้ดี แต่ปัจจุบันพบการดื้อยามากขึ้น ไม่แนะนำให้ใช้รักษาหนองใน แต่ถ้าเป็นการติดเชื้ออื่นในระบบทางเดินปัสสาวะก็ใช้ได้ครับ ถ้าจะลองกิน ต้องกินทีเดียว 800 มิลลิกรัม และคอยดูว่าอาการดีขึ้นหรือไม่ ถ้าไม่ดีขึ้น แนะนำ ยาฉีด ceftraiaxone 250 มิลลิกรัม หรือหาหมอเฉพาะโรคครับ

 

นพ.อนุพงศ์

Anonymous

6 ธันวาคม 2555 17:53:54 #6

ผมรบกวนถามต่ออีกหน่อยครับ อยากทราบว่ายา Norfloxacin ปกติถ้ากิน 2 เม็ด 1 ครั้ง แล้วไม่มีการดื้อยา อาการจะหายภายในกี่วัน หรือนานแค่ไหนครับ

ตอนนี้ผมกินยาตัวนี้ 2 เม็ด มาประมาณ 24 ชั่วโมงแล้ว อาการแสบที่ปลายอวัยวะเพศตอนฉี่ ลดลงเล็กน้อย แต่ยังมีน้ำหนองออกมาเรื่อยๆ ครับ หนองบางครั้งก็สีเข้ม บางครั้งก็สีอ่อน อาการแสบบางครั้งก็อ่อนมาก บางครั้งก็ยังแสบ แต่น้อยกว่าวันแรกๆ ที่ยังไม่ได้กินยา

ลักษณะแบบนี้ถือว่าเป็นปกติตามการรักษาด้วยยานี้ไหมครับ หรือว่าผมควรจะไปรับยาฉีด ceftraiaxone ตามที่คุณหมอแนะนำครับ

Anonymous

7 ธันวาคม 2555 06:35:15 #7

ตอนนี้กินยามาแล้วประมาณ 36 ชั่วโมงครับ

ยังมีอาการแสบขณะฉี่ และมีน้ำหนองสีซีดๆ ออกเขียวเล็กน้อย ออกมาเรื่อยๆ ครับ รู้สึกว่าหนองจะน้อยกว่าวันแรกๆ เล็กน้อย แต่ก็ยังมีอยู่ครับ ผมต้องรับการรักษาอะไรต่อไหมครับ หรือว่ารอดูอาการไปเรื่อยๆ ครับ

Anonymous

7 ธันวาคม 2555 11:41:46 #8

ตอนนี้กินยามาประมาณ 42 ชั่วโมงแล้วครับ

อาการเหมือนจะดีขึ้น แต่ก็ยังมีหนองออกมาอยู่ครับ

แต่ช่วงบ่ายๆ ที่ผ่านมา ประมาณ 3-4 ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ผมดื่มน้ำเยอะ ทำให้ปัสสาวะบ่อย เป็นสีใส ไม่แสบ แล้วก็มีหนองน้อยมากครับ แต่ปัสสาวะขัดเล็กน้อย เหมือนกับมันยังมีอีก แต่ไม่ออกครับ

พอช่วงเย็น เมื่อสักครู่นี้ ผมเดินทางกลับมาจากที่ทำงาน แล้วเข้าห้องน้ำ พบว่ามีหนองออกมาอีกแล้วครับ ปริมาณไม่มาก ยังคงปัสสาวะขัดอยู่บ้าง

ผมอยากทราบว่าอาการตอนนี้ ปลอดภัยหรือยังครับ ถ้าผมพยายามดื่มน้ำเยอะๆ ปัสสาวะบ่อยๆ จะหายมั้ยครับ หรือว่าควรไปรับการรักษายังไงต่อครับ

รบกวนคุณหมอด้วยครับ

Anonymous

7 ธันวาคม 2555 13:38:21 #9

ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวกับที่เป็นอยู่หรือเปล่าครับ

แต่ตอนนี้ผมรู้สึกมึนๆ ง่วงๆ แล้วก็เหมือนจะมีไข้ด้วยครับ ยังไม่แน่ใจ อาจจะเป็นเพราะอากาศในที่ทำงานก็ได้ครับ เพราะที่ทำงานอากาศค่อนข้างเย็น

ถ้าหากมีไข้ จะสามารถกินยาพาราเซตามอล ลดไข้ตามปกติได้ไหมครับ จะมีผลอะไรกับอาการที่เป็นอยู่ไหมครับ

ตอนนี้รู้สึกกังวลครับ กลัวไม่หาย

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

7 ธันวาคม 2555 13:59:02 #10

โดยทั่วไป ถ้าการรักษาได้ผล อาการต่างๆควรจะดีขึ้นใน 48-72 ชม. แต่การกินยา norfloxacin แบบเช้าเย็น ความเข้มข้นของยาในเลือดมักจะไม่สูงพอที่จะรักษาโรคหนองใน และทำให้เชื้อหนองในดื้อยา norfloxacin แนะนำใช้ยาฉีด ceftriaxone 250 มิลลิกรัม ฉีดเข็มเดียว ได้ผลดีกว่าครับ ถ้าทิ้งไว้อาจมีโรคแทรกซ้อน เช่น เป็นฝี หรือลูกอัณฑะอักเสบได้ครับ อาการไข้อาจจะเกี่ยวในกรณีที่การอักเสบเป็นมากขึ้น กินยาแก้ไข้ได้ครับ

 

อนุพงศ์

Anonymous

7 ธันวาคม 2555 14:56:05 #11

ขอบคุณครับคุณหมอ

ผมเข้าใจว่าเป็นการกระทำที่ผิด แต่ก็ทำไปแล้วครับ ตอนแรกผมก็กินยาแบบเช้าเย็นมาประมาณ 3 มื้อ (เช้าวันที่ 4, เย็น 4, เช้า 5) จากนั้นเห็นคำแนะนำของคุณหมอ พร้อมทั้งลืมกินยาในเย็นวันที่ 5 ผมจึงตัดสินใจเปลี่ยนเป็นกิน 2 เม็ด (800 มก.) ในกลางดึกของคืนวันที่ 5 แล้วก็ไม่ได้กินอีกเลย และมาโพสต์เพื่อบันทึก (ให้ตัวผมเอง และเผื่อเป็นประโยชน์ในการตอบคำถามของคุณหมอ) ว่ากินยาไปกี่ชั่วโมงแล้ว อาการเป็นอย่างไรบ้าง

ตอนนี้กินยาครั้งล่าสุด (2 เม็ด) มาเกือบครบ 48 ชั่วโมงแล้วครับ

อาการเหมือนจะดีขึ้น แต่ยังมีหนองออกมาบ้าง และถ้าดื่มน้ำน้อยเกินไป จะยังมีอาการแสบเวลาปัสสาวะครับ ถือเป็นปกติของการกินยาตามระยะเวลานี้ไหมครับ หรือว่าตอนนี้ดื้อยาไปแล้วครับ

 

ปล. ช่วงเย็นที่ผ่านมา ผมจะไปปรึกษาหมิที่คลินิกใกล้บ้าน แต่ไม่ทันครับ ปิดบริการไปก่อน พรุ่งนี้เช้าถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น คงต้องไปให้ได้ครับ

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

8 ธันวาคม 2555 12:36:57 #12

เชื้อหนองในเมื่อได้ยา norfloxain ในขนาดที่ไม่เพียงพอ เช่นในกรณีของคุณ เชื้อจะสามารถพัฒนาตัวเองให้ค่อยๆดื้อยา ซึ่งแม้จะกินเพิ่มในภายหลัง ถ้าโชคดีเชื้อยังดือไม่มาก ก็อาจหายได้ แต่ถ้าเชื้อดื้อมากแล้ว ก็จะไม่หาย ซึ่งต้องเปลี่ยนเป็นยากลุ่มอื่นที่ได้ผลดีกว่า ในที่นี้คือ ceftriaxone 250 มิลลิกรัม ฉีดเข้ากล้าม เข็มเดียว แนะนำว่าถ้ายังมีหนอง ปัสสาวะแสบอยู่ รีบหาหมอ และอย่าลืมเล่าด้วยว่ากินยา norfloxacin มาแล้ว จะได้ไม่ให้ยาในกลุ่มนี้เพราะดื้อแล้วครับ

 

อนุพงศ์

Anonymous

11 ธันวาคม 2555 14:30:14 #13

ขอบคุณครับ ตอนนี้ผมได้รับยา Ceftriaxone มา 2 วันแล้วครับ ได้รับยา Buscopan กับ Doxycycline มาทานด้วยครับ ตอนนี้อาการก็ดีขึ้นมาก แต่ยังมีอาการระคายเคืองเล็กน้อยตอนปัสสาวะ แต่คิดว่าอีกไม่นานคงหายดีครับ

แต่วันนี้มีอาการปวดหัว น่าจะมาจากสาเหตุอื่น ผมเลยสงสัยว่า ระหว่างรับยาทั้ง 3 ตัวนี้ ผมควร หรือไม่ควรทานอะไรบ้างครับ ผมสามารถทานยาแก้ปวดลดไข้ตามปกติได้ไหมครับ เพื่อเป็นความรู้ด้วยครับ

 

ขอบคุณคุณหมอมากเลยนะครับ ที่ให้คำแนะนำ หวังว่ากระทู้นี้คงเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ ด้วยครับ

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

12 ธันวาคม 2555 03:55:44 #14

อาการระคายเคืองเวลาปัสสาวะจะค่อยๆดีขึ้นครับ แนะนำให้กิน Doxycycline ครั้งละ 100 มิลลิกรัม เช้า เย็น ให้ครบ 2 อาทิตย์ เพราะประมาณร้อยละ 50 ของคนที่เป็นหนองในจะมีเชื้อหนองในเทียมร่วมด้วย ระหว่างนี้ งดร่วมเพศ วดเคร่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เมื่อครบ 3 เดือนหลังมีพฤติกรรมเสี่ยงควรตรวจเลือดหาการติดเชื้อซิฟิลิสและโรคเอดส์ด้วยครับ และอย่าลืมนะครับ ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์

 

นพ. อนุพงศ์