ลืมบอกไปครับ เมื่อ3เดือนก่อนผมมีไรกะแฟนโดยไม่ได้ใส่ถุงยางอ่ะครับ ไม่ทราบว่าจะเป็นอะไรร้ายแรงไหมครับ ช่วงนี้ผมเป็นกังวลมากๆเลยครับ

การที่เม็ดแดงๆ ไม่คัน ไม่แสบ เป็นๆหาย โรคที่พบบ่อยคือเชื้อราร่วมกับการระคายเคืองหรือแพ้สารที่ผสมในสบู่หรือเจลอาบน้ำ แนะนำให้ทความสะอาดด้วยสบู่อ่อนๆ เช่นสบู่เด็ก ถ้ามีอาการมากชึ้น มีขุยสีขาวขุ่นร่วมด้วย อาจใช้ยาทา ที่มีส่วนผสมของยาแก้แพ้และยาฆ่าเชื้อรา เช่น Triamcinolone + Clotrimazole ทาบางๆวันละ 2 ครั้ง เช้าเย็น หรือก่อนนอน ถ้า5-7 วันไม่ดีขึ้น คงต้องหาหมครับ ในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์กับแฟนโดยไม่ใช้ถุงยาง ถ้าแฟนไมมีโรคติดต่อ ก็ไม่ต้องห่วง แต่ถ้าไม่แน่ใจ ต้องคอยดูว่ามีอาการเปลี่ยนแปลง เป็นมากขึ้น ตุ่มแดงแตกกลายเป็นแผล ฏ้ต้องนึกถึงโรคติดต่อที่พบบ่อย เช่นแผลเริม เป็นต้น

นพ.อนุพงศ์

ขอบคุณคุณหมอมากนะครับ พอดีผมไม่เคยเป็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลยเป็นกังวลมากๆ วิตกบอกเครียดด้วย ที่คุณหมอบอกว่า"หรือแพ้สารที่ผสมในสบู่หรือเจลอาบน้ำ" ทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ว่าตอนมีอะไรกับแฟนครั้งสุดท้ายเขาใช้ไอ้ที่ล้างจุดซ่อนเล้นของผู้หญิงมาล้างให้ผม(ผมเรียกไม่ถูกน่ะครับ)เพราะปกติทุกวันผมล้างด้วยสบู่เปนประจำอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าเกี่ยวกันมั้ยครับ แต่ทุกวันนี้ผมใช้น้ำล้างเฉยๆครับ แล้วTriamcinolone + Clotrimazoleนี่คือตัวยาใช่หรือป่าวครับ หาซื้อได้ตามร้านขายยาไหมครับ ยังไงผมก้อขอบคุณหมอมากๆนะครับผมก็ได้แต่หวังว่าจะไม่เป็นโรคร้ายแรงอะไร ยังไงแล้วผมจะมาขอคำปรึกษาหมออีกนะครับ

ยาที่ถามมาเป้นยาแก้แพ้ ผสมกับยาฆ่าเชื้อราครับ ร้านขายยาที่มีเภสัชกรประจำจัดให้ได้ครับ

นพ.อนุพงศ์

ขอบคุณมากครับคุณหมอ ผมมีเรื่องจะรบกวนสอบถามคุณหมออีกซัก1เรื่องครับ พอดีผมเพิ่งจะสังเกตุเห็นว่าที่ถูงอัณฑะมันมีเม็ดขึ้นประมาณเท่าเม็ดสิวได้อ่ะครับไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลย ตอนแรกผมนึกว่าไม่ได้เป็นอะไรแต่มาสังเกตุเห็นว่าบางเม็ดมันมีสีคล้ำๆแดงๆแตกออกมามีเลือดไหลซิปๆแต่ก้อไม่รู้สึกเจ็บครับ แสบนิดๆ ตั้งใจจะลงรูปให้คุณหมอดูแต่ผมลองลงแล้วมันลงไม่ได้อ่ะครับ ผมอยากทราบว่ามันเป็นอะไรครับ ต้องรักษายังไง ถ้าผมจะไปหาหมอต้องไปหาหมอเกี่ยวกับอะไรครับ ขอบคุณคุณหมอมากนะครับสำหรับคำแนะนำ

จากที่เล่ามา ถ้าไม่มีประวัติเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ น่าจะเป็นการอักเสบของต่อมหรือรูขนบริเวณลูกอัณฑะ คล้ายกับสิว รักษาโดยการกินยาแก้อักเสบ เช่น dicloxacillin 500 มิลิกรัมวันละ 4 ครั้ง น่าจะดีขึ้นใน 5-7 วันครับ แต่ถ้ามีประวัติเสี่ยง ก็อาจจะเป็นโรคติดต่อได้ ที่พบบ่อยเช่น แผลเริม เป็นต้น ถ้าไม่แน่ใจปรึษาหมอทั่วไป หรือหมอผิวหนัง หรือส่งรูปมาให้ดูครับ

นพ.อนุพงศ์