กระดานสุขภาพ

ประจำเดือนและตกขาวผิดปกติ
Anonymous

25 มีนาคม 2558 06:57:49 #1

สวัสดีค่ะคุณหมอ ขออนุญาติเล่าอาการโดยละเอียดนะคะ

ดิฉันมีประจำเดือนช่วง 24-28 มกราคมตามปกติและได้มีเพศสัมพันธ์จึงทานยาคุมฉุกเฉินในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ตามวิธีที่ระบุในฉลากยาอย่างถูกต้อง หลังจากนั้นมีเลือดออกคล้ายประจำเดือนในวันที่ 6-9 กุมภาพันธ์ หลังจากนั้นประจำเดือนที่ควรจะมาตามปกติ (ประมาณเอาคร่าวๆเพราะปกติดิฉันเป็นประจำเดือนมาไม่ตรง) ได้ขาดไปจนกระทั่งวันที่ 4 มีนาคมก็ยังไม่มา จึงได้หาหมอสูตินารีแพทย์ คุณหมอก็เจาะเลือดตรวจพบว่าไม่ตั้งครรภ์และวินิจฉัยว่าฮอร์โมนผิดปกติจากการทานยาคุมฉุกเฉิน จึงได้ให้ยาปรับฮอร์โมนมาทานเป็นเวลา 5 วัน (เริ่มทานตั้งแต่วันที่ 5-9 มีนาคม) เช้าเย็นครั้งละเม็ด และแจ้งว่าหากหลังหมดยาประจำเดือนไม่มาภายใน 7 วันให้ไปพบคุณหมออีกครั้ง (ภายในช่วง 5 วันที่ทานยาปรับฮอร์โมนของคุณหมอ ดิฉันก็มีเพศสัมพันธ์ประมาณสองสามครั้ง มีการสอดใส่เข้าไปก่อนแล้วสวมถุงยางทีหลัง) หลังยาหมด 7 วันประจำเดือนก็ยังไม่มา พอวันที่ 8 ซึ่งก็คือวันที่ 17 มีนาคม ดิฉันมีอาการตกขาวสีน้ำตาลค่อนไปทางแดงเลือดหมูหนืดๆค่อนข้างข้นมาก ไม่ได้เป็นเหมือนตกขาวตามปกติที่จะเป็นเมือกเหลวกว่านี้ โดยอาการตกขาวที่ว่านี้เป็นตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึงกลางคืนดิฉันจึงใส่ผ้าอนามัยรอเอาไว้ เช้าอีกวัน (วันที่ 18) มีเลือดเหมือนประเดือนเป็นสีแดงสดตามปกติ ส่วนวันที่ 19 ก็มีเลือดออกแต่มีน้อยมากกว่าปกติที่เคยมี และวันที่ 20 เลือดก็ออกเป็นสีน้ำตาลค่อนข้างเข้มคล้ายเวลาเราประจำเดือนใกล้จะหมดและมาน้อยมาก ดิฉันจึงคิดว่าหมดประจำเดือนแล้ว (มาทั้งหมด 3 วันแค่มาน้อยกว่าปกติ) หลังจากนั้นวันที่ 21 ดิฉันพบว่ายังมีตกขาวสีน้ำตาลอ่อนค่อนข้างหนืดออกมาจากช่องคลอด โดยเวลาเอากระดาษทิชชู่ซับจะเป็นเหมือนเจลลี่ติดออกมาแบบกระจายๆไม่เกาะกลุ่มกันเป็นมูกก้อนเดี่ยวๆ เวลาถอดชั้นในจะเห็นเป็นคราบๆสีน้ำตาลติดอยู่ที่ชั้นในให้เห็นเลย ไม่มีอาการคันหรือปวดท้องน้อยแต่อย่างใด มีเพียงกลิ่นเปรี้ยวเพียงเล็กน้อย (คาดว่าอาจเป็นอาการเชื้อราในช่องคลอดเพราะก่อนหน้านี้เคยเป็นมาก่อนค่ะ) วันที่ 22 ดิฉันมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันแต่ไม่ได้หลั่ง เพราะแฟนเห็นก่อนว่าดิฉันมีเลือดไหลออกมาจากช่องคลอด สีค่อนข้างน้ำตาลเข้มมากๆและยังคงมีอาการตกขาวสีน้ำตาลหนืดๆดังเดิม ดิฉันจึงไปรับการตรวจภายในจากคุณหมอ คุณหมอแจ้งว่ามดลูกก็ไม่ได้บวม อาการตกขาวที่เกิดขึ้นและประจำเดือนที่มาน้อยอาจะเป็นผลข้างเคียงจากการที่ดิฉันทานยาปรับฮอร์โมนบวกกับทานยาคุมกำเนิดที่มีปริมาณฮอร์โมนต่ำร่วมด้วย (พอมีเลือดประจำเดือนตั้งแต่วันที่ 18 ดังที่ดิฉันเล่าข้างต้น ดิฉันก็เริ่มทานยาคุมเม็ดแรกตั้งแต่วันนั้น โดยก่อนหน้านี้ไม่เคยทานยาคุมมาก่อนแต่อย่างใด) เลือดสีเข้มที่ออกมาหลังมีเพศสัมพันธ์คุณหมอแจ้งว่าอาจเป็นประจำเดือนที่ตกค้างอยู่ ซึ่งไม่มีอาการใดๆน่ากังวล และอาการตกขาวสีน้ำตาลคุณหมอวินิจฉัยว่าเป็นอาการข้างเคียงจากการทานยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนต่ำซึ่งทำให้มีเลือดออกกระปริดประปรอย และให้ดิฉันเปลี่ยนยี่ห้อยาคุมกำเนิดให้มีปริมาณฮอร์โมน 30 มิลลิกรัมตามระดับฮอร์โมนปกติ นี่คือรายละเอียดทั้งหมดนะคะ สิ่งที่ดิฉันต้องการจะถามคุณหมอคือ

1. เลือดที่ออกมาช่วงวันที่ 18-20 มีโอกาสที่จะเป็นเลือดอย่างอื่นที่ไม่ใช่เลือดประจำเดือนไหมคะ อย่างเช่นเลือดล้างหน้าเด็ก เพราะช่วงที่ทานยา 5 วันนั้นมีเพศสัมพันธ์ร่วมด้วยโดยสอดใส่ก่อนแล้วใส่ถุงยางทีหลัง

2. ช่วงที่ทานยาปรับฮอร์โมนแล้วมีเพศสัมพันธ์มีสิทธิ์ตั้งครรภ์ไหมคะ

3. ตกขาวสีน้ำตาลอ่อน (ที่คุณหมอแจ้งว่ามันคืออาการเลือดออกกระปริดกระปรอย) ที่ว่ามานี่ สามารถบ่งบอกถึงโรคอย่างอื่นได้มั้ย แม้คุณหมอตรวจภายในแล้วก็ตาม แต่ดิฉันก็ยังสงสัยค่ะ เพราะถึงวันนี้ก็ยังคงเป็นอยู่ ไหลออกมาเป็นคราบๆติดอยู่ที่ชั้นใน ไม่ปวดท้อง ไม่คัน ไม่แสบ มีเพียงกลิ่นเปรี้ยวเล้กน้อย

4. หากจะทำการตรวจการตั้งครรภ์ด้วยวิธีเจาะเลือด สามารถได้เร็วที่สุดกี่วันหลังจากมีเพศสัมพันธ์คะ

5. ความแน่นอนของการตรวจการตั้งครรภ์ด้วยปัสสาวะตอนเช้ามีความแม่นยำแค่ไหนคะ ตรวจเลือดจะแน่นอนกว่าไหม

 

เพิ่มเติมนะคะ ตั้งแต่ทานยาปรับฮอร์โมนที่ได้รับจากคุณหมอ มีอาการคัดหน้าอกและเจ็บบริเวณหัวนมมาก จนถึงวันนี้หลังจากทานยาคุมกำเนิดไปตั้งแต่วันที่มีประจำเดือน ยังมีอาการคัดหน้าอกอยู่บ้าง บางครั้งรูสึกเพลียและมึนหัว อยากทราบว่าทั้งหมดเป็นอาการจากการทานยาคุมกำเนิดและยาปรับฮอร์โมนของคุณหมอใช่ไหมคะ

ขอบพระคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบของคุณหมอค่ะ

อายุ: 21 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 55 กก. ส่วนสูง: 158ซม. ดัชนีมวลกาย : 22.03 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

27 มีนาคม 2558 05:47:52 #2

หลังทานยาคุมฉุกเฉินจะมีเลือดออกผิดปกติได้ ดังนั้น เลือดที่ออกมาในช่วงวันที่ 6-9 กพ จึงเป็นผลมาจากการทานยาคุมฉุกเฉินเพราะคุณทานไปเมื่อ 1 กพ หลังทานยาคุมก็จะทำให้รอบเดือนมีความคลาดเคลื่อนออกไปได้เช่นกัน การที่แพทย์ให้ยาปรับฮอรืโมนมาทานเข้าใจว่าน่าจะเป็นฮอร์โมนโ)รเจสโตรเจนจึงบเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้รอบเดือนมาได้ แต่ยาดังกล่าวไม่ใช่ยาเม็ดคุมกำเนิดเพราะทานเพียง 5 วัน ระหว่างทานยาดังกล่าวจึงต้องคุมกำเนิดให้ดีด้วย ไม่ควรหลั่งภายใน และควรสวมถุงยางทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ระหว่างทานยาตัวนี้ เพราะอาจจะเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ และอาจจะทำให้ลูกมีอวัยวะเพศกำกวมได้ ส่วนเลือดที่ออกมาในช่วงวันที่ 18-21 เป็นเลือดที่ออกมาจากการทานยาโปรเจสโตรเจนหรือยาปรับรอบเดือนที่คุณหมอได้ให้ไป ถ้าออกไม่เกิน 7 วัน ถือว่าปกติ ไม่ต้องทำอะไร ไม่ใช่เลือดล้างหน้าเด็กแน่นอน เพราะคุณทานฮอร์โมนโปรเจสโตรเจนแล้วจึงมีเลือดออก ช่วงที่ทานยาปรับฮอร์โมนก็มีโอกาสตั้งครรภ์ถ้าไม่ได้คุมกำเนิดให้ดี และทารกอาจจะมีอวัยวะเพศกำกวมได้ ส่วนเลือดที่ออกมาเป็นสีน้ำตาลน่าจะเป็นเลือดที่ออกมาจากโพรงมดลูก ไม่มีอันตรายแต่อย่างใด ถ้าออกไม่เกิน 7 วัน ไม่ต้องทำอะไร สังเกตอาการไปก่อนได้ เมื่อปรับเป้นยาคุมชนิดที่มีฮอรืโมนเอสโตรเจนสูงขึ้นเป็น 30-35 ไมโครกรัมอาการเลือดออกผิดปกติจะดีขึ้นได้ ช่วงนี้จะต้องพยายามป้องกันการติดเชื้อซ้ำเติมโดยการใช้ผ้าอนามัยแผ่นบางแล้วเปลี่ยนทิ้งบ่อยๆ ทุก 2-3 ชั่วโมง การตรวจเลือดเพื่อทดสอบการตัง้ครรภ์จะสามารถทำได้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์ประมาณวันที่ 12 การตรวจปัสสาวะทดสอบการตัง้ครรภ์ปัจจุบันแผ่นทดสอบต่างๆที่มีจำหน่ายมีความไวสูงมาก ปริมาณฮอร์โมนเพียง 50 mIU/ml ก็สามารถตรวจพบการตั้งครภร์แล้ว จึงไม่ควรกังวล มีความแม่นยำ ถ้าขาดประจำเดือนเพียง 2-3 วันก็สามารถตรวจพบแล้ว แต่การตรวจเลือดจะมีความแม่นยำสูงมากกว่า แต่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า และเจ็บตัวต้องเจาะเลือดไปตรวจ ส่วนอาการคัดหน้าอก คลื่นไส้ เวียนศีรษะ เป็นผลจากการทานยาเม็ดคุมกำเนิดได้แน่นอนค่ะ