กระดานสุขภาพ

หมดหนทาง ช่วยตอบหน่อยค่ะ
Anonymous

19 มีนาคม 2558 21:45:38 #1

คือนู๋กินยาคุมประจำเดือนทุกเดือน แต่ช่วงหลังกินยาคุมแต่ประจำเดือนมาไม่ปกติ ปรึกษาหมอแล้วสาเห็นเพราะกินไม่ตรงเวลาทำให้ฮอล์โมนขึ้นๆลง

พอประจำเดือนมา นู๋เลยหยุดกิน ไม่แน่ใจวันที่ประจำเดือนมา แต่น่าจะเป็นช่วงต้นเดือนกุมภาค่ะ หลังจากนั้นก้อใส่ถุงมาตลอดทุกครั่งที่มีเพศสัมพัน จนวันที่ 27 กุมภา ไม่ได้ใส่ถุงและหลั่งในค่ะ เพราะคิดว่าประจำเดือนคงจะมาในช่วง 7 วันนี้และไม่ได้กินยาคุมฉุกเฉิน จนผ่านไป 6 ันหลังมีเพศสัมพัน เริ่มหวั่นใจ เลยซื้อชุดตรวจครรด์มาตรวจ ในวันที่ 5 มีนาคม แต่ไม่เจอ ปรึกษาเภสัช เค้าบอกอาจเพราะอาการเคลียดประจำเดือนเลยไม่มา แต่พอตรวจไม่เจอ โล่งใจแล้ว ประจำเดือนก้อจะมา จนผ่านม่อีกหลายวันประจำเดือนก้อไม่มาเลยไปหาข้อมูล เค้าบอกว่า ชุดตรวจ จะตรวจว่าท้องไหม ต้อง ผ่านไป 1 สัปดาถึงรุ้ จึงเริ่มหวั่นใจแล้วไปซื้อชุดตรวจมาตรวจอีกในวันที่  16 มีนา แต่ก้อไม่พบอีก ก้อโล่งใจ คิดว่าประจำเดือนน่าจะมาอีก 2 วัน แต่ก้อไม่มา หาข้อมูล อีกก้อพบว่าบ้างคนก้อตรวจไม่เจอต้องไปตรวจเลือดถึงรุ้ว่าท้อง แต่นู๋ไม่กล้าไปตรวจ  ช่วงที่ประจำเดือนไม่มา นู๋ไม่มีอาการอะไหรเลย ไม่ปวดท้อง ไม่คัดน่าอก  แต่มีตกขาวตลอดและทุกวัน ช่วงแรกๆ จะมาแบบเป็น สีขาวขน แต่มีลักษณะแปลกๆ คล้ายๆ เป็นมูกๆเหนียวๆ จับกันเป็นก้อน แต่เอานิ้วไปจับ กลับไม่้ป็นเมือกติดนิ้วสักนิด เป็นแบบนั้นประมาน 2-3 วัน แล้วก้อมีตกขาว เป็นเหมือนปกติที่เคยเป็น เป็นสีขาวขุ้นข้น แต่มีอาการคันนิดหน่อยประมาน 2 วัน หลังจากนั้นก้อไม่คัน แต่จนถึงวันนี้ตกขาวก้อมาทุกวันปต่ประจำเดือนไม่มาค่ะ

อายุ: 19 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 44 กก. ส่วนสูง: 165ซม. ดัชนีมวลกาย : 16.16 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

21 มีนาคม 2558 03:53:22 #2

ในเรื่องความกังวลว่าจะตั้งครรภ์หรือไม่นั้น หากทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์มีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี สวมใส่ก่อนสอดใส่อวัยวะเพศทุกครั้ง ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องตั้งครรภ์ครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น เป็นการตรวจฮอร์โมน hCG ที่มีอยู่ในร่างกายที่ขับออกทางปัสสาวะครับ ซึ่งจะตรวจพบได้เร็วมาก คือ มีความแม่นยำสูงและไวมาก และ จะไม่ต่างกับการตรวจระดับในเลือดครับ ซึ่งการตรวจในเลือดจะมีประโยชน์ในบางกรณีเช่น ช่วยวินิฉัยภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูก ช่วยวินิฉัยภาวะแท้งค้าง และ ประเมินการตั้งครรภ์ในการทำเด็กหลอดแก้วเป็นต้นครับ ซึ่งจากประวัติที่กล่าวมา หมอคิดว่า ไม่ตั้งครรภ์นะครับ

ส่วนลักษณะประจำเดือนที่ผิดปกติ มาไม่เป็นรอบหรือไม่สม่ำเสมอ หรือ ระยะห่างระหว่างรอบไม่สม่ำเสมอนั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องออร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด หรือ เดินทางบ่อย เปลี่ยนแปลงสถานที่หรือการดำเนินขีวิต เป็นต้นครับ หากสาเหตุต่างๆนี้หายไปหรือดีขึ้น อาการประจำเดือนก็จะกลับมาปกติ ซึ่งจากประวัติ อาจมีสาเหตุจากหยุดทานยาเม็ดคุมกำเนิดก่อน ทำให้การตกไข่และรอบประจำเดือนผิดปกติไป ดังนัน หมอแนะนำให้สังเกตประจำเดือนไปก่อนได้ครับ แต่หากรอบประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มาไม่เป็นรอบ หรือ ขาดหายไปนานเกิน 3 สัปดาห์แล้ว ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุอื่นๆและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ

ในเรื่องของตกขาวนั้น เบื้องต้นแล้ว ตกขาวที่อาจมีได้ช่วงนี้ ก็เป็นผลจากฮอร์โมนที่สูงขึ้นหลังจากไข่ ซึ่งจะอยู่ในช่วงกลางรอบเดือนครับ และ สามารถพบสารคัดหลั่งนี้มากขึ้นจนถึงช่วงใกล้ๆมีประจำเดือนได้ครับ หรือ เป็นจากฮอร์โมนจากเม็ดยาคุมกำเนิดชนิดต่างๆได้ครับ แต่จะไม่มีอาการผิดปกติ เช่น คัน กลิ่นเหม็น หรือ เลือดปนครับ ซึ่งไม่ผิดปกตินะครับ ดังนั้น หมอแนะนำให้สังเกตุอาการไปก่อน แต่หากหากตกขาวผิดปกติที่เป็นลักษณะสีขาวเหลือง คล้ายทิชชูเปียกหรือ นมโยเกิตร่วมด้วย และ มีอาการคันเป็นหลักนั้น จะเป็นอาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดครับ และในบางท่านอาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้ การรักษาหลักนั้น หากมีอาการภายในช่องคลอด ยาที่ใช้โดยทั่วไปเป็นมาตรฐานจะเป็นยาในช่ือสามัญ clotrimazole ครับ เป็นลักษณะเม็ด ใช้เหน็บช่องคลอด เป็นเวลา 7 วันนะครับ หากมีอาการภายนอกด้วย ก็อาจลองใช้ยาที่มีช่ือสามัญ clotrimazole ชนิดทา ทาก็ได้ครับ ที่สำคัญ ต้องทาบริเวณที่เป็นรอยโรค โดยเฉพาะอย่างย่ิง ที่ขอบ เพราะเชื้อราจะอยู่บริเวณนี้มากๆ และ เป็นบริเวณที่แบ่งตัว ลามต่อไปครับ ทาจนอาการดีชึ้นจนหาย และ ทาต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้น จะเป็นซ้ำได้ง่าย และในช่วงที่มีประจำเดือน อาจเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยขึ้นเพื่อลดความอับชื้นนะครับ ส่วนหากมีลักษณะกลิ่นเหม็น หรือ คันมาก ตกขาวเป็นสีเขียวเหลืองจะเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดนะครับ ดังนั้น หมอแนะนำหากตกขาวยังคงผิดปกติอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายใน หาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ

สุดท้าย หมอขอแนะนำการทานยาเม็ดคุมกำเนิดสักนิดครับ ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ