กระดานสุขภาพ

ช่วยตอบหน่อยค่ะ
Spic*****k

15 มีนาคม 2558 07:56:27 #1

คือ หนูกับแฟนมีเพศสัมพันธ์กันโดยใส่ถุงยาง  และสองครั้งแรกแฟนไม่ได้หลั่งอสุจิออกมาเลย ส่วนอีกครั้ง แฟนก็สวมใส่ถุงยางแต่คราวนี้มีหลั่งอสุจิออกมา แต่อยู่ในถุงยาง เชคแล้ว ถุงยางไม่ขาด ไม่รั่วและไม่แตก  ไม่ทราบว่า จะไม่ท้องจริงๆใช่ไหมค่ะ  แล้วจำเป็นต้องกินยาคุมไหมค่ะ

อายุ: 19 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 44 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.19 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

19 มีนาคม 2558 07:26:14 #2

หากทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์มีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี สวมใส่ก่อนสอดใส่อวัยวะเพศทุกครั้ง ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องตั้งครรภ์ครับ สบายใจได้ ซึ่งหมอขอแนะนำการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องสักนิดนะครับ ซึ่งมีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ

Spic*****k

20 มีนาคม 2558 13:31:47 #3

ค่ะ ใส่ถุงยางถูกวิธีตามที่หมอพูดค่ะ  ไม่ท้องแน่ๆใช่ไหมค่ะ  แล้วประจำเดือนหนูยังไม่มา  เป็นเพราะอะไรหรอค่ะ  หนูประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ  เดือนที่แล้ว มาวันที่  15 -20  แต่เดือนนี้  20 แล้ว ยังไม่มาเลยค่ะ หนูกังวลมากเลย

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

23 มีนาคม 2558 15:40:45 #4

อย่างที่หมอกล่าวไป หากทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์มีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องตั้งครรภ์ครับ ส่วนลักษณะประจำเดือนที่ผิดปกติ มาไม่เป็นรอบหรือไม่สม่ำเสมอ หรือ ระยะห่างระหว่างรอบไม่สม่ำเสมอนั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องออร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด หรือ เดินทางบ่อย เปลี่ยนแปลงสถานที่หรือการดำเนินขีวิต เป็นต้นครับ หากสาเหตุต่างๆนี้หายไปหรือดีขึ้น อาการประจำเดือนก็จะกลับมาปกติ แต่หากไม่ได้มีสาเหตุอย่างที่หมอกล่าวไป และ รอบประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มาไม่เป็นรอบ หรือ ขาดหายไปนานเกิน 3 สัปดาห์แล้ว ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ