กระดานสุขภาพ

อาการแบบนี้ท้องมั้ยคะ
Kkkk*****k

13 มีนาคม 2558 10:01:23 #1

มีเพศสัมพันธ์เมื่อวันที่ 2 มีนาคม รอบเดือนวันแรกครั้งล่าสุดวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ขณะมีเพศสัมพันธ์เกิดถุงแตกจึงรีบเอาออก และได้กินยาคุมฉุกเฉินตามเวลาที่กำหนดครบ หลังจากนั้น วันที่7 ก็มีอาการคัดเต้านม ปวดสะโพก มีเลือดออกมาสีเข้มและข้นมาก ปริมาณเล็กน้อย วันต่อมาวันที่ 8 ก็มีเลือดออกมาอีก สีแดงสด ปริมาณมาก เกิดอาการเวียนหัว มึน คัดเต้านม หลังจากวันนั้นก็ออกมาเล็กน้อยอีก 2-3 วัน ปัจจุบันวันนี้คือวันที่ 13 มีนา หรือผ่านมา 11 วันหลังมีเซ็ก ยังคงมีอาการปวดหลัง เล็กน้อย บริเวณเอวลงสะโพก มีอาการคัดเต้านมเล็กน้อย แต่ไม่มาก นอนทับจะเจ็บ กดดูจะเจ็บ ฉี่ปกติ มีอาการหงุดหงิด อาการคล้ายตอนจะมีประจำเดือน  จึงอยากถามหมอว่า 

1.อาการที่เลือดออกคือผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินหรือเลือดล้างหน้าเด็กกันแน่

2.อาการที่เป็นอยู่ตอนนี้ คืออาการคนท้องมั้ย 

3.อาการปวดหลังเกิดจากร่างกายมีการฝังตัวอ่อนหรือเปล่า แต่ช่วงนั้นมีการนั่งสอบเกือบ 7 ชม. ถึง 2 วัน และดื่มน้ำน้อย และปวดค่อนไปทางขวา

4.ช่วงมีเพศสัมพันธ์มีโอกาสอยู่ในช่วงตกไข่มั้ย เพราะเดือนก่อนๆมาวันที่ 17 ซึ่งรอบเดือน มกรา-กุมภา มีความห่างกันถึง 33 วัน ถ้าไม่ใช่ช่วงตกไข่ มีโอกาสมั้ยคะ

5.ตรวจปัสสาวะได้อีกกี่วันที่

อายุ: 18 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 49 กก. ส่วนสูง: 161ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.90 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

19 มีนาคม 2558 07:29:06 #2

หมอขอตอบเป็นประเด็นดังนี้ครับ

1. หากในการมีเพศสัมพันธ์นั้นใช้ถุงยางอนามัยแล้วมีปัญหา ขาด รั่ว หรือ ปริแตก แม้จะได้ทันได้หลั่งด้านใน ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้นะครับ ซึ่งการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินก็ถือว่าเป็นวิธีที่ดีในการป้องกันการตั้งครรภ์หลังจากมีเพศสัมพันธ์แล้ว ซึ่งหากอยู่ในช่วง 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ก็ควรทานยานี้นะครับ และ หากทานถูกต้อง ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพประมาณ 89 - 92 % ครับ หรือหากจะเข้าใจง่ายๆ คือ ทานยานี้ 10 คน จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 9 คนครับ ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ อย่างไรก็ตามก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยนะครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ และ หากประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปเกิน 2 สัปดาห์ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ

2. ส่วนคำว่า เลือดล้างหน้าเด็กนั้น (Implantation bleeding) ในทางการแพทย์คือ เลือดที่ออกจากการฝังตัวของตัวอ่อนที่เกิดจากการปฎิสนธิของอสุจิและไข่ บริเวณเยื่อบุโพรงมดลูก ในช่วงหลังตกไข่ประมาณ 1 สัปดาห์ หรือ หลังประจำเดือนรอบสุดท้ายประมาณ 3 สัปดาห์ ซึ่งจะเป็นเลือดออกจางๆ ปริมาณเล็กน้อย อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ผิดปกติอะไรครับ แต่ปัญหาอาจทำให้สับสนว่า เป็นเลือดประจำเดือนที่มาผิดปกติหรือไม่ ซึ่งการแยกอาจดูจากลักษณเลือดออก หรือ อาจตรวจปัสสวะในช่วงวันที่หมอกล่าวไปข้างต้น ซึ่งเบื้องต้นแล้ว หมอคิดว่า เลือดนั้นเกิดจากผลของยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินครับ

3. การคำนวณวันตกไข่นั้น จะใช้ได้แม่นยำในคนที่มีประจำเดือนสม่ำเสมอนะครับ ซึ่งการคำนวณจะต้องคำนวณจากระยะระหว่างรอบประจำเดือน โดยจะนับจากวันที่คาดว่าประจำเดือนจะมาย้อนไป 2 สัปดาห์ หรือ 14 วัน เช่น หากรอบเดือนประมาณ 33 วัน และวันที่คาดว่าประจำเดือนจะมาเป็นวันที่ 17 ดังนั้นวันที่ตกไข่ ก็จะเป็นวันที่ 1 เป็นต้น ซึ่งการมีเพศสัมพันธ์ก่อนหน้าและหลังวันนี้ 2 วัน จะเป็นช่วงที่มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้สูงครับ

4. ในช่วงที่มีการฝังตัวของตัวอ่อนนั้น โดยปกติจะเกิดหลังการมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 5-7 วัน ซึ่งจะไม่มีอาการอะไรเลยครับ ดังนั้น อาการปวดหลังหรืออาการอื่นๆที่กล่าวมานั้น ไม่ได้เป็นผลจากการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ

5. สิ่งที่หมอฝากได้คือ การป้องกันการตั้งครรภ์นั้น ควรใช้วิธีที่ป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย หรือ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้น ซึ่งหมอขอแนะนำการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องสักนิดนะครับ ซึ่งมีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครัน ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ

Kkkk*****k

19 มีนาคม 2558 13:26:49 #3

รอบเดือนห่างกัน 33 วันค่ะ หมายถึง เดือน ธันวามาวันที่ 15 มกรามา 17 กุมภา มา 19 เดือนก่อนๆไม่สม่ำเสมอ แต่3เดือนนี้ระยะเวลาห่างเป๊ะๆเลย นี่ถือว่าสม่ำเสมอมั้ยคะ ส่วนเดือนมีนาลองนับดูคาดว่าจะมาวันที่ 24 ใช่หรือเปล่าค่ะ และได้ลองตรวจปัสสาวะดูแล้วในวันที่16 หรือ 2สัปดาห์หลังจากมีพสพ. ก็ขึ้น 1 ขีดค่ะ ฉี่แรกของวัน

ปัจจุบัน ฉี่ไม่บ่อยเลยแต่เข้ม ไม่คัดเต้านม แต่สังเกตดูเหมือนมีตุ่มไขมันขึ้นที่ราวนม บีบออกมีอะไรขาวๆออกมา มีอาการหงุดหงิดแต่อาจจะเกิดจากความเครียดมาก ถามเพิ่มอีกนะคะ

1.ตุ่มขาวๆนี่ สาเหตุจากอะไร มักมาช่วงไหน จริงๆก่อนหน้านี้ก็เห็นบ่อยๆ

2.ประมาณ 2 วันก่อน มีของเหลวๆ ข้นๆเกือบคล้ายเยลลี่ สีขาวๆ ไม่มีกลิ่น นี่เรียกว่าน้ำมูกขาวรึป่าวค่ะ แล้วสาเหตุจากอะไรคะ

3.ถ้าประจำเดือนไม่มาในวันที่ 24 ก็ควรตรวจปัสสาวะอีกครั้งในวันที่เท่าไหร่คะ เพื่อความชัวร์ แล้วผลที่ได้ควรเชื่อเลยมั้ยคะ

Kkkk*****k

19 มีนาคม 2558 13:27:32 #4

*2.ตุ่มขาวๆที่ราวนม 

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

23 มีนาคม 2558 16:31:49 #5

อย่างที่หมอกล่าวไป หากรอบเดือนประมาณ 33 วัน และวันที่คาดว่าประจำเดือนจะมาเป็นวันที่ 24 เดือนมีนาคม ดังนั้นวันที่ตกไข่ ก็จะเป็นวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นต้นครับ ซึ่งการมีเพศสัมพันธ์ก่อนหน้าและหลังวันนี้ 2 วัน จะเป็นช่วงที่มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้สูงครับ และ วันที่ควรตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ หากประจำเดือนยังไม่มา อย่างเร็วที่สุดก็ควรเป็นวันที่ 24 มีนาคม และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ

ส่วนตุ่มขาวๆที่ราวนมนั้น อาจเป็น ต่อมไขมันชนิดหนึ่ง เรียกว่า Montgomery 's Tubercles ซึ่งจะมีลักษณะเป็นปุ่มเล็กๆที่อยู่ที่ ลานหัวนมและหัวนม ซึ่งปุ่มเหล่านี้เป็นรูเปิดของต่อมไขมันและต่อมเหงื่อออกมา ทำให้บางครั้งเราบีบหรือกดต่อมนี้ จะทำให้มีไขมันหรือสารคัดหลั่งออกมาครับ โดยเฉพาะในช่วงที่ใกล้มีประจำเดือนซึ่งเต้านมจะตอบสนองต่อฮอร์โมนโปรเจสโตรโรนที่มีสูงมากช่วงนี้ครับ ดังนั้น ถือว่า เป็นเรื่องไม่ได้ผิดปกติอะไรครับ แต่หากมีลักษณะอักเสบ คล้ายหนอง หรือ ปวด บวม แดง ร้อน ก็ควรมาพบแพทย์นะครับ

Kkkk*****k

1 เมษายน 2558 14:50:45 #6

วันที่ 31 มีนาคมได้ตรวจปัสสาวะแล้วขึ้นขีดเดียวค่ะ แบบนี้ควรวางใจได้มั้ยคะ ถ้าอีก1สัปดาห์ประจำเดือนยังไม่มาแล้วเกิดตรวจซ้ำแล้วยังขึ้นขีดเดียวอีก สามารถกินยาสตรีได้เลยมั้ย แล้วช่วงนี้ก็มีอาการปวดจี๊ดๆสลับซ้ายขวาที่ท้องน้อยด้วย แบบนี้ผิดปกติหรือเปล่าคะ