กระดานสุขภาพ

ประจำเดือนไม่มา
R962*****9

9 มีนาคม 2558 05:34:16 #1

สวัสดีครับคุณหมอ

คือแฟนผมมีประจำเดือนครั้งล่าสุดวันที่ 7 กุมภาพันธ์  ประจำเดือนมาสม่ำเสมอทุกๆ 28 วัน  ซึ่งประจำเดือนควรจะมาในวันเสาร์ ที่ 7 มีนาคม แต่เลยมาจนถึงวันที่ 9 แล้วก็ยังไม่มา  ผมอยากจะขอคำปรึกษาจากคุณหมอว่ามีสาเหตุมาจากอะไรครับ

ข้อมูลเพิ่มเติม

- ช่วงวันที่ 10-20 กุมภาพันธ์ แฟนผมเข้ากะดึก รอบเที่ยงคืนถึง 10โมงเช้า  และบางวันก็เข้ากะ ตอน 4โมงเย็นเถึงตอนเที่ยงคืนสลับกันไปมาติดต่อกัน

-มี oral sex กับแฟนในวันที่ 13 ,25 กุมภาพันธ์ และวันที่ 6 มีนาคม ซึ่งวันที่ 6 มีนาคมมีการใช้นิ้วสอดใส่    โดยทุกครั้งไม่มีการสำเร็จความใคร่

อายุ: 22 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 58 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 22.66 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

11 มีนาคม 2558 16:30:13 #2

หากการมีเพศสัมพันธ์นั้น ไม่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ มีเพียงการถูกันเพียงภายนอกเท่านั้น ในกรณีนี้ถือว่า ไม่มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้เลยครับ เช่นเดียวกับอสุจิที่อยู่บริเวณภายนอกช่องคลอด ก็ไม่ทำให้ตั้งครรภ์เช่นเดียวกันครับ สบายใจได้ ส่วนในเรื่องการสอดใส่นิ้วที่อาจมีอสุจิปนไปและใส่เข้าไปในช่องคลอดด้วยนั้น หากหมอตอบตามทฤษฎีแล้ว ในกรณีดังกล่าวก็สามารถทำให้มีการตั้งครรภ์ได้ แต่ในแง่ของหลักฐานทางการแพทย์นั้น ไม่เคยปรากฎมีการตั้งครรภ์จากลักษณะที่กล่าวมานะครับ ส่วนการทำ oral sex นั้นก็ไม่ทำให้ตั้งครรภ์ได้เช่นเดียวกันครับ ส่วนลักษณะประจำเดือนที่ผิดปกติ มาไม่เป็นรอบหรือไม่สม่ำเสมอ หรือ ระยะห่างระหว่างรอบไม่สม่ำเสมอนั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องออร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด หรือ เดินทางบ่อย เปลี่ยนแปลงสถานที่หรือการดำเนินขีวิต เป็นต้นครับ เช่นในกรณีนี้การทำงานเป็นกะแบบนี้ก็เป็นสาเหตุหนึ่งได้ครับ หากสาเหตุต่างๆนี้หายไปหรือดีขึ้น อาการประจำเดือนก็จะกลับมาปกติ แต่หากไม่ได้มีสาเหตุอย่างที่หมอกล่าวไป และ รอบประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มาไม่เป็นรอบ หรือ ขาดหายไปนานเกิน 3 สัปดาห์แล้ว ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ