กระดานสุขภาพ

เลือด​ออกหลัง มีพสพ แล้วกินยาคุม​ฉุกเฉิน 6 วัน โดยวันนี้เป็นวันที่คาดว่า ปจดมา แต่ไม่มีอาการของปจด จะท้องไหม
Anonymous

23 กุมภาพันธ์ 2558 12:03:52 #1

ปจดครั้งล่าสุด 21/01/58 หลังจากนั้น มีพสพ 15/02/58 ถุงยางขาด หลั่งใน จากนั้นกินยาคุมฉุกเฉิน ใน 4ชม. ผ่านไปหกวันวันที่ 21/02/58 มีเลือดออกมาก ในวันที่ 21-22 แต่ไม่มีอาการของปจด เช่นคัดหน้าอก จะท้องไหมคค๊ะ

อายุ: 19 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 48 กก. ส่วนสูง: 150ซม. ดัชนีมวลกาย : 21.33 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

23 กุมภาพันธ์ 2558 16:30:12 #2

เพิ่มเติมค่ะ อยากทราบว่าเลือดที่ออกมาเป็นปจดไหมค่ะ เพราะจำช่วงเวลาที่มีปจดว่าห่างกันกี่วันไม่ได้คาะ

Anonymous

24 กุมภาพันธ์ 2558 14:32:49 #3

เพิ่มเติมอีกน่ค่ะ คือ รอบเดือนลางครั้งก็มห่างกันมากกง่า30วันเป็นเพราะเครียดง่ายด้วยค่ะ ไม่แน่ใจเลือดรอบนี้จะว่าจะใช่ ปจดไหม เพราะหน้าอกไม่ตึงค่ะ หรือเป็นผลข้างเคียงของยา แล้วแบบนี้ โอกาสตั้งครรภ์เท่าไหร่ค่ะ

Anonymous

24 กุมภาพันธ์ 2558 14:34:49 #4

เพิ่มเติมอีกน่ค่ะ คือ รอบเดือนลางครั้งก็มห่างกันมากกง่า30วันเป็นเพราะเครียดง่ายด้วยค่ะ ไม่แน่ใจเลือดรอบนี้จะว่าจะใช่ ปจดไหม เพราะหน้าอกไม่ตึงค่ะ หรือเป็นผลข้างเคียงของยา แล้วแบบนี้ โอกาสตั้งครรภ์เท่าไหร่ค่ะ

Anonymous

24 กุมภาพันธ์ 2558 14:35:29 #5

เพิ่มเติมอีกน่ค่ะ คือ รอบเดือนลางครั้งก็มห่างกันมากกง่า30วันเป็นเพราะเครียดง่ายด้วยค่ะ ไม่แน่ใจเลือดรอบนี้จะว่าจะใช่ ปจดไหม เพราะหน้าอกไม่ตึงค่ะ หรือเป็นผลข้างเคียงของยา แล้วแบบนี้ โอกาสตั้งครรภ์เท่าไหร่ค่ะ

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

26 กุมภาพันธ์ 2558 11:03:58 #6

หากในการมีเพศสัมพันธ์นั้นใช้ถุงยางอนามัยแล้วมีปัญหา ขาด รั่ว หรือ ปริแตก แม้จะได้ทันได้หลั่งด้านใน ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้นะครับ ดังนั้นในการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกที่ไม่ได้ป้องกันนั้น มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์แน่นอนครับ ซึ่งการทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ ดังนั้นในการมีเพศสัมพันธ์ที่กล่าวมานั้น มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์แน่นอนครับ ซึ่งการทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งหากอยู่ในช่วง 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ก็ควรทานยานี้นะครับ และ หากทานถูกต้อง ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพประมาณ 89 - 92 % ครับ หรือหากจะเข้าใจง่ายๆ คือ ทานยานี้ 10 คน จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 9 คนครับ ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ ซึ่งจากวันที่ทานนั้น เกิน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์แล้วนั้นจะทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์น้อยลงมาก อย่างไรก็ตามก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยนะครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ และ หากประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปเกิน 2 สัปดาห์ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ

เรื่องถุงยางอนามัยที่มีปัญหานั้น โดยปกติแล้วกระบวนการผลิตถุงยางอนามัยนั้น ค่อนข้างรัดกุมมากนะครับ การที่จะขาด รั่ว หรือ ปริแตกนั้นเกิดได้น้อยมากแต่หากเกิดมักเกิดจากการใช้ที่ผิดวิธีครับ ซึ่งหมอขอแนะนำการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องสักนิดนะครับ ซึ่งมีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ