กระดานสุขภาพ

แบบนี้จะท้องไหม
Anonymous

22 กุมภาพันธ์ 2558 01:59:04 #1

คุณหมอครับ

คือว่าเดือนธันวาคมแฟนผมเขาเป็นประจำเดือน 2 ครั้งเป็นเพราะยาคุมฉุกเฉินทั้ง 2 ครั้งเลยครับคือ

คือประมาณวันที่ 9 ธันวาคม แล้วรอบ 2 ก็ 29 ธันวาคม แล้วผมมีอะไรกับแฟนวันที่ 3 มกราคม ปล่อยใน ไม่ได้ป้องกัน

ผมก็ให้แฟนผมตรวจวันที่ 17,27 มกราคม แล้วก็ 3,7,11,15,18 กุมภาพันธ์ มันก็ขึ้นขีดเดียว (มกราคม ปจด ไม่มา)

เลยไปหาหมอที่คลีนิค วันที่ 14 กุมภา ตรวจปัสสาวะก็ไม่พบ หมอเลยให้ทานยาคุมปกติ ทานมาได้ถึงวันที่ 16 ตอนกลางคืนแฟนผมเกิดอาเจียน ปวดท้องน้อย ปวดหัว เจ็บเต้านม มาจนถึงวันที่ 22 กุมภาอ่าครับ ประจำเดือนก็ยังไม่มาอ่าครับ

คือผมอยากทราบว่า

1.แฟนผมเขาจะท้องไหมครับ

2.ที่เขาอาเจียนใช่อาการของคนที่ไม่เคยทานยาคุมกำเนิดปะครับ

อายุ: 25 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 65 กก. ส่วนสูง: 185ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.99 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Haamor Admin

(Admin)

22 กุมภาพันธ์ 2558 17:50:18 #2

ถึง คุณ 1e029

เนื่องจากเว็บไซต์เป็นที่สาธารณะ ดังนั้นเพื่อให้ข้อมูลเป็นเรื่องส่วนบุคคลมากที่สุด ทางทีมงานจึงทำการซ่อนชื่อจริงของผู้ถามให้นะคะ โดยคุณ 1e029 ยังสามารถติดตามคำตอบคุณหมอได้ที่กระทู้นี้ค่ะ

และหากครั้งต่อไปคุณ 1e029 ต้องการปกปิดชื่อตนเอง สามารถเลือก "ไม่แสดงภาพและชื่อของผู้โพส" ทางด้านขวาเวลาตั้งกระทู้คำถามใหม่ค่ะ

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

23 กุมภาพันธ์ 2558 15:20:30 #3

จากกรณีทั้งหมดนั้น หากการมีเพศสัมพันธ์นั้น มีการสอดใส่อวัยวะเพศ แล้วไม่ได้ป้องกันการตั้งครรภ์ก่อนการมีเพศสัมพันธ์ แม้สุดท้ายจะไม่ได้หลั่งด้านในก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้ครับ เนื่องจากในช่วงที่มีเพศสัมพันธ์จะมีอสุจิออกมากับสารคัดหลั่งที่ออกมาในช่วงนี้ แม้ปริมาณอสุจิจะน้อย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้ครับ ดังนั้นในการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกที่ไม่ได้ป้องกันนั้น มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์แน่นอนครับ ซึ่งการทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งหากอยู่ในช่วง 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ก็ควรทานยานี้นะครับ และ หากทานถูกต้อง ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพประมาณ 89 - 92 % ครับ หรือหากจะเข้าใจง่ายๆ คือ ทานยานี้ 10 คน จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 9 คนครับ ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ ซึ่งตามประวัติ มีการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินซ้ำไปอีกนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำนะครับ เพราะ ปกติยานี้จะใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น และ จะผลข้างเคียงมากได้ ประกอบกับประสิทธิภาพจะไม่ดี และ ก็จะมีเลือดออกผิดปกติมาได้ จนทำให้สับสนได้ว่า เลือดที่ออกมาคืออะไร เช่นในกรณีนี้ครับ อย่างไรก็ตามก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยนะครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ และ หากประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปเกิน 2 สัปดาห์ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ

จากประวัติมีการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะแล้ว ซึ่งหมอคิดว่า ผลที่ได้น่าเชื่อถือครับว่าไม่ตั้งครรภ์ ส่วนการทานยาคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนในช่วงแรกนั้น อาจทำให้คลื่นไส้ อาเจียนได้ และ หากทานยาไม่สม่ำเสมอ ก็ควรคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นๆด้วยครับ เช่น ถุงยางอนามัย หรือ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนแบบฮอร์โมนต่ำ ครับ

สิ่งที่หมอฝากได้คือ การป้องกันการตั้งครรภ์นั้น ควรใช้วิธีที่ป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย หรือ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้น ซึ่งหมอขอแนะนำการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องสักนิดนะครับ ซึ่งมีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครัน ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ

Anonymous

23 กุมภาพันธ์ 2558 15:38:31 #4

ครับคุณหมอครับ

ช่วงนี้แฟนผมก็มีอาการเจ็บท้อง เจ็บหน้าอก ปวดหัวด้วยอ่ะครับ คุณหมอคิดว่าจะเป็นอาการก่อนเป็นประจำเดือนหรือเปล่าครับ

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

26 กุมภาพันธ์ 2558 16:08:14 #5

อาการลักษณะดังกล่าวอาจเป็นอาการก่อนมีประจำเดือนได้ครับ และ ประจำเดือนน่าจะมาในช่วง 1 สัปดาห์นี้ครับ ดังนั้น หากประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปเกิน 2 สัปดาห์จากวันที่ควรจะมา ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจและรักษาตามสาเหตุนะครับ