กระดานสุขภาพ

ถุงยางหลุด
P-o-*****0

8 กุมภาพันธ์ 2558 13:25:37 #1

สวัสดีครับคุณหมอ ผมได้มีเพศสัมพันธ์กับแฟนเมื่อวันที่7/2/15 ผมได้กินเหล้ามาทำให้เสร็จช้ามาเกือบชั่วโมง แล้วแฟนผมรีบกลับบ้านผมเลยรีบๆทำให้เสร็จผมทำแรงมาก จนมันมีตอนที่ผมกำลังเอาออกให้แฟนขึ้น ถุงยางหลุดไม่รู้ว่าหลุดตอนไหนแต่เอาอแกมาแล้วเจอถุงยางกระเด็นไปใกล้ๆตัวแฟนผมเลยใส่อันใหม่ก็ยังไม่เสร็จ จนแฟนผมช่วยถึงจะเสร็จ พอหลังจากนั้นไม่ถึงชั่วโมงแฟนผมกินยาฉุกเฉินเพราะกลัวผมอยากทราบว่าจะท้องมั้ยครับ ทั้งที่กินยาคุมไปแล้วแล้วหลุดตอนยังไม่เสร็จอีกอย่างวันที่ผมมีเพศสัมพันธ์แฟนผมเมนพึ่งหมดไปตอนบ่ายๆอะครับรบกวนหมอช่วยตอบผมหน่อยนะครับผมกลัวมีจูเนียร์มาปลุกผมตอนเช้าTT

อายุ: 19 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 55 กก. ส่วนสูง: 180ซม. ดัชนีมวลกาย : 16.98 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

10 กุมภาพันธ์ 2558 14:01:59 #2

ในกรณีแรก หากเดิมเป็นคนที่ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ ตรงรอบดี วันที่มีเพศสัมพันธ์นั้นอยู่ในช่วงหลัง 7 วันหลังจากมีประจำเดือนวันแรก ซึ่งช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ไม่มีการตกไข่ หากมีเพศสัมพันธ์ช่วงนี้ จะไม่ทำให้ตั้งครรภ์ครับ แต่หากมีช่วงที่มีประจำเดือนพอดี จะทำให้ฝ่ายหญิงมีโอกาสที่จะติดเชื้อหรือมีการอักเสบในอุ้งเชิงกรานได้ง่าย เนื่องจากในช่วงนี้เยื่อบุโพรงมดลูกกำลังลอกตัวออกมา ทำให้มีโอกาสที่จะติดเชื้อได้ง่ายครับ ดังนั้น หมอคิดว่า ควรให้ประจำเดือนน้อยลงเสียก่อน เช่น ให้พ้น 2-3 วันหลังประจำเดือนวันแรกไปก่อน และ ไม่จำเป็นต้องทานยาอะไรเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์หรือโรคอะไรนะครับ อย่างไรก็ตาม หมอคิดว่า การคุมกำเนิดด้วยวิธีนับวันนั้น ก็ไม่อาจป้องกันการตั้งครรภ์ได้นะครับ หรือ หากประจำเดือนมาไม่ตรงรอบก็ไม่สามารถใช้ได้เลย ซึ่งอย่างน้อยก็ใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงมีประจำเดือนหรือไม่ก็จะเหมาะสมและปลอดภัยกว่าครับ

ส่วนในกรณีที่หากในการมีเพศสัมพันธ์นั้นใช้ถุงยางอนามัยแล้วมีปัญหา ขาด รั่ว หรือ ปริแตก แม้จะได้ทันได้หลั่งด้านใน ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้นะครับ ซึ่งการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินก็ถือว่าเป็นวิธีที่ดีในการป้องกันการตั้งครรภ์หลังจากมีเพศสัมพันธ์แล้ว ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ ซึ่งการทานยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์หลังการมีเพศสัมพันธ์ได้ครับ ซึ่งจะมีประสิทธิภาพประมาณ 89 - 92 % ครับ หรือหากจะเข้าใจง่ายๆ คือ ทานยานี้ 10 คน จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 9 คนครับ อย่างไรก็ตามก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้ยนะครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ และ หากประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปเกิน 2 สัปดาห์ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ

ส่ิงที่หมอฝากได้คือ การป้องกันการตั้งครรภ์นั้น ควรใช้วิธีที่ป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย หรือ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้น ซึ่งหมอขอแนะนำการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องสักนิดนะครับ ซึ่งมีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครัน ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ

P-o-*****0

14 กุมภาพันธ์ 2558 16:40:20 #3

หลังจากมีเพศสัมพันธ์วันที่7แล้วประจำเดือนหมดพอดี แล้วผ่านมาวันที่12แฟนผมเป็นประจำเดือนอีก อย่างนี้ก็ไม่มีโอกาสท้องแล้วใช่มั้ยครับ

ปล.แฟนผมเป็นคนที่ประจำเดือนมาไม่ปรกติครับ

P-o-*****0

16 กุมภาพันธ์ 2558 16:15:28 #4

หมอตอบผมด้วยยTT

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

10 มีนาคม 2558 14:45:20 #5

อย่างที่หมอกล่าวไป เรื่องวันที่มีเพศสัมพันธ์นั้น ไม่น่าจะทำให้ตั้งครรภ์ครับ แต่จากรอบประจำเดือนนั้น ค่อนข้างมาไม่สม่ำเสมอ ซึ่งมักเกิดจากการตกไข่ที่ไม่สม่ำเสมอ ดังนั้น การจะบอกว่า ไม่ตั้งครรภ์แน่นอนนั้น อาจตอบไม่ได้ครับ หากต้องการทราบว่าจะตั้งครรภ์หรือไม่ ก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะตามช่วงวันที่หมอกล่าวไปครับ ส่วนลักษณะประจำเดือนที่ผิดปกติ มาไม่เป็นรอบหรือไม่สม่ำเสมอ หรือ ระยะห่างระหว่างรอบไม่สม่ำเสมอนั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องออร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด หรือ เดินทางบ่อย เปลี่ยนแปลงสถานที่หรือการดำเนินขีวิต เป็นต้นครับ หากสาเหตุต่างๆนี้หายไปหรือดีขึ้น อาการประจำเดือนก็จะกลับมาปกติ แต่หากไม่ได้มีสาเหตุอย่างที่หมอกล่าวไป และ รอบประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มาไม่เป็นรอบ หรือ ขาดหายไปนานเกิน 3 สัปดาห์แล้ว ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ