กระดานสุขภาพ

ประจำเดือนมาแล้วจะท้องไหม
Anonymous

18 มกราคม 2558 15:44:16 #1

คือวันที่31ธ.ค แฟนกับผมต่างฝ่ายต่างช่วยกัน จนเส็จ พวกผมถอดเสื้อผ้า แล้วแฟนผมก็ไปห้องน้ำ แล้วล้างอสุจิผมที่ติดมือ ด้วยน้ำเปล่า แล้วแฟนผมก็ล้างอวัยวะของตัวเองมีการเอานิ้วสอดไส่ ไปครึ่งนิ้ว พอผ่านมา5วัน วันที่5 ม.ค ตอนกลางคืนแฟนผมก็มีน้ำใสๆขาวๆออกมา และวันที่6 ม.คก็ประจำเดือนมา  พอประจำเดือนมาแล้วก็หมดวันที่11 ม.คผมอยากถามว่าท่าประจำเดือนมาแล้ว จะมีโอกาสตั้งครรส์ได้รึป่าว แฟนผมจำไม่ค่อยได้ แต่จำได้ว่าเดือนที่แล้วต้นเดือนประมาณ วันที่5 ธ.ค 

 

คุณหมอช่วยตอบด้วยนะคับ

อายุ: 18 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 85 กก. ส่วนสูง: 175ซม. ดัชนีมวลกาย : 27.76 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

18 มกราคม 2558 15:50:36 #2

เสริมอีกนิดนึงนะคับ วันที่6 ม.ค ประจำเดือนมาตอนเย็น คับผม เพราะช่วงเที่ยงๆแฟนผมปวดท้องมาก ตอนเย็นก็เลยมีประจำเดือนออกมา

Anonymous

18 มกราคม 2558 16:03:06 #3

ผมยังกังวลอยู่ ด้วย ตอบให้หายกังวลด้วยนะคับ 

 

Anonymous

18 มกราคม 2558 16:04:32 #4

เคยอ่านเจอว่าเลือดล้างหน้าเด็กมันจะ มาแบบไม่รู้ตัว แบบแค่เปียก กกน เฉยๆ แต่ของแฟนผมปวดท้อง ก่อนถึงจะมาแบบนี้ จะใช่เลือดล้างหน้าเด็กไหมคับ

Than*****z

18 มกราคม 2558 17:42:37 #5

ไม่น่ามั้งครับอสุจิ พอออกไปข้างนอกโดนอากาศ ก่อตายแล้วมั้งครับหรือมีอายุแค่5วิมั้งเคยอ่านเจอที่เวปต่างๆถ้าจำไม่ผิด

Anonymous

21 มกราคม 2558 09:43:59 #6

ขอบคุณคับ

 

 

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

22 มกราคม 2558 13:38:03 #7

คำว่า เลือดล้างหน้าเด็กนั้น (Implantation bleeding) ในทางการแพทย์คือ เลือดที่ออกจากการฝังตัวของตัวอ่อนที่เกิดจากการปฎิสนธิของอสุจิและไข่ บริเวณเยื่อบุโพรงมดลูก ในช่วงหลังตกไข่ประมาณ 1 สัปดาห์ หรือ หลังประจำเดือนรอบสุดท้ายประมาณ 3 สัปดาห์ ซึ่งจะเป็นเลือดออกจางๆ ปริมาณเล็กน้อย อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ผิดปกติอะไรครับ แต่ปัญหาอาจทำให้สับสนว่า เป็นเลือดประจำเดือนที่มาผิดปกติหรือไม่ ซึ่งการแยกอาจดูจากลักษณเลือดออก หรือ อาจตรวจปัสสวะในช่วงวันที่ประจำเดือนขาดไปประมาณข่วง 4 สัปดาห์หลังประจำเดือนรอบสุดท้าย หากเป็นผลบวกหรือตั้งครรภ์ ก็ถือว่าเป็น เลือดล้างหน้าเด็กครับ

หากการมีเพศสัมพันธ์นั้น ไม่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ มีเพียงการถูกันเพียงภายนอกเท่านั้น ในกรณีนี้ถือว่า ไม่มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้เลยครับ เช่นเดียวกับอสุจิที่อยู่บริเวณภายนอกช่องคลอด ก็ไม่ทำให้ตั้งครรภ์เช่นเดียวกันครับ สบายใจได้ ส่วนในเรื่องการสอดใส่นิ้วที่อาจมีอสุจิปนไปและใส่เข้าไปในช่องคลอดด้วยนั้น หากหมอตอบตามทฤษฎีแล้ว ในกรณีดังกล่าวก็สามารถทำให้มีการตั้งครรภ์ได้ แต่ในแง่ของหลักฐานทางการแพทย์นั้น ไม่เคยปรากฎมีการตั้งครรภ์จากลักษณะที่กล่าวมานะครับ ดังนั้น ไม่ต้องกังวลเรื่องเลือดล้างหน้าเด็กนะครับ

Anonymous

23 มกราคม 2558 10:40:14 #8

ขอบคุณคับผม

Anonymous

23 มกราคม 2558 16:16:12 #9

ประจำเดือนออกมาเยอะปริมาณปกติดีจะท้องไหมคับ

 

Anonymous

24 มกราคม 2558 05:30:31 #10

แล้วประจำเดือนมาตรงเวลาปกติ อย่างนี้ท้องไหมคับชวยตอบให้หายข้องใจ ทีคับ ปริมาณปกติ แล้วท่าตกขาวเล้กน้อยนี่ใช่อาการตั้งท้องรึป่าวคับ

Anonymous

24 มกราคม 2558 05:31:10 #11

หรือปกติ

 

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

28 มกราคม 2558 13:39:01 #12

อย่างที่หมอกล่าวไป หากการมีเพศสัมพันธ์นั้น ไม่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ เช่นในกรณีนี้ถือว่า ไม่มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้เลยครับ และ ประจำเดือนก็ควรจะมาปกติเช่นนี้อยู่แล้วครับ และ ตกขาวไม่ได้เป็นอาการของการตั้งครรภ์ครับนะครับ ส่วนในเรื่องของตกขาวนั้น เบื้องต้นแล้ว ตกขาวที่อาจมีได้ช่วงนี้ ก็เป็นผลจากฮอร์โมนที่สูงขึ้นหลังจากไข่ ซึ่งจะอยู่ในช่วงกลางรอบเดือนครับ และสามารถพบสารคัดหลั่งนี้มากขึ้นจนถึงช่วงใกล้ๆมีประจำเดือนได้ครับ แต่จะไม่มีอาการผิดปกติ เช่น คัน กลิ่นเหม็น หรือ เลือดปนครับ ซึ่งไม่ผิดปกตินะครับ ดังนั้น หมอแนะนำให้สังเกตุอาการไปก่อน แต่หากหากตกขาวผิดปกติที่เป็นลักษณะสีขาวเหลือง คล้ายทิชชูเปียกหรือ นมโยเกิตร่วมด้วย และ มีอาการคันเป็นหลักนั้น จะเป็นอาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดครับ และในบางท่านอาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้ การรักษาหลักนั้น หากมีอาการภายในช่องคลอด ยาที่ใช้โดยทั่วไปเป็นมาตรฐานจะเป็นยาในช่ือสามัญ clotrimazole ครับ เป็นลักษณะเม็ด ใช้เหน็บช่องคลอด เป็นเวลา 7 วันนะครับ หากมีอาการภายนอกด้วย ก็อาจลองใช้ยาที่มีช่ือสามัญ clotrimazole ชนิดทา ทาก็ได้ครับ ที่สำคัญ ต้องทาบริเวณที่เป็นรอยโรค โดยเฉพาะอย่างย่ิง ที่ขอบ เพราะเชื้อราจะอยู่บริเวณนี้มากๆ และ เป็นบริเวณที่แบ่งตัว ลามต่อไปครับ ทาจนอาการดีชึ้นจนหาย และ ทาต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้น จะเป็นซ้ำได้ง่าย และในช่วงที่มีประจำเดือน อาจเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยขึ้นเพื่อลดความอับชื้นนะครับ ส่วนหากมีลักษณะกลิ่นเหม็น หรือ คันมาก ตกขาวเป็นสีเขียวเหลืองจะเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดนะครับ ดังนั้น หมอแนะนำหากตกขาวยังคงผิดปกติอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายใน หาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ