กระดานสุขภาพ

การใส่ถุงยาง
Anonymous

15 มกราคม 2558 16:00:52 #1

คือว่า หนูมีเพศสัมพันธิกับแฟนคือวันที่ 7-10 มกราคม 2558 คือใส่ถุงยางตลอดเลยนะค่ะใส่ก่อนที่จะสอดเข้าตลอด แต่ก่อนที่จะสอดเข้าแฟนเอามาถูของหนูเฉยๆ แต่ไม่ได้สอดเข้าสักครั้งเลย จนใส่ถุงค่อยสอด และหลั่งนอกตลอดค่ะ แต่ว่าในวันที่ 10 นั้น ถุงยางเกิดหลุดแล้วคาอยู่กับช่องคลอดหนูอ่ะค่ะ แต่ไม่ได้แทงเข้าไป จึงสวมและสอดเข้าไปใหม่ สอดเข้า-ออก ประมาณ 6-7 ครั้งได้มั้งค่ะ เลยถอดออก ไม่เสร็จ หนูเลยใช้ปากแทนจนเสร็จ ในกรณีแบบนี้หนูมีโอกาสท้องไหมค่ะ เสี่ยงมากน้อยแค่ไหนหรอค่ะ คือเป็นประจำเดือนครั้งล่าสุดคือ 30 ธันว่าคม ถึง 4  มกราคม 58 ค่ะ จะรอคำตอบนะค่ะคุณหมอ หนูสงสัยมากเลยค่ะ

อายุ: 22 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 42 กก. ส่วนสูง: 155ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.48 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Haamor Admin

(Admin)

16 มกราคม 2558 14:46:35 #2

ถึง คุณ 1367e

เนื่องจากเว็บไซต์เป็นที่สาธารณะ ดังนั้นเพื่อให้ข้อมูลเป็นเรื่องส่วนบุคคลมากที่สุด ทางทีมงานจึงทำการซ่อนชื่อจริงของผู้ถามให้นะคะ โดยคุณ 1367e ยังสามารถติดตามคำตอบคุณหมอได้ที่กระทู้นี้ค่ะ

และหากครั้งต่อไปคุณ 1367e ต้องการปกปิดชื่อตนเอง สามารถเลือก "ไม่แสดงภาพและชื่อของผู้โพส" ทางด้านขวาเวลาตั้งกระทู้คำถามใหม่ค่ะ

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

18 มกราคม 2558 06:02:03 #3

จากกรณีดังกล่าวนั้น หากการมีเพศสัมพันธ์นั้น ไม่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ มีเพียงการถูกันเพียงภายนอกเท่านั้น ในกรณีนี้ถือว่า ไม่มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้เลยครับ เช่นเดียวกับอสุจิที่อยู่บริเวณภายนอกช่องคลอด ก็ไม่ทำให้ตั้งครรภ์เช่นเดียวกันครับ สบายใจได้ ส่วนในเรื่องการสอดใส่นิ้วที่อาจมีอสุจิปนไปและใส่เข้าไปในช่องคลอดด้วยนั้น หากหมอตอบตามทฤษฎีแล้ว ในกรณีดังกล่าวก็สามารถทำให้มีการตั้งครรภ์ได้ แต่ในแง่ของหลักฐานทางการแพทย์นั้น ไม่เคยปรากฎมีการตั้งครรภ์จากลักษณะที่กล่าวมานะครับ ซึ่งทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่อง เลือดล้างหน้าเด็ก เลยครับ เลือดนั้นน่าจะเป็นประจำเดือนครับ แต่ในเรื่องของถุงยางอนามัยที่หลุดนั้นหากไม่แน่ใจว่าจะมีอสุจิเข้าไปหรือมีการสอดใส่ไปหรือไม่นั้น หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมเนิดฉุกเฉินหากอยู่ในช่วง 72 ชั่วโมงหลังการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินก็ถือว่าเป็นวิธีที่ดีในการป้องกันการตั้งครรภ์หลังจากมีเพศสัมพันธ์แล้ว ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ ซึ่งการทานยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์หลังการมีเพศสัมพันธ์ได้ครับ ซึ่งจะมีประสิทธิภาพประมาณ 89 - 92 % ครับ หรือหากจะเข้าใจง่ายๆ คือ ทานยานี้ 10 คน จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 9 คนครับ แต่หากเกินช่วงนั้น ไปแล้วก็ไม่ต้องทานแล้วครับ แต่อย่างไรก็ตามก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยนะครับแม้โอกาสจะน้อย ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ และ หากประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปเกิน 2 สัปดาห์ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ

สุดท้ายหมอขอแนะนำการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องสักนิดนะครับ ซึ่งมีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ

Anonymous

20 มกราคม 2558 13:13:55 #4

ขอบคุณค่ะคุณหมอ แต่ในสามสี่วันที่ผ่านมา อาการตกขาวหนุพึ่งหายค่ะ สิวขึ้น ด้วย โดยปกติแล้วหากอาการเหล่านี้มาหนูจะเป็นปรจำเดือน ไม่ทราบว่าอาการเหล่านี้เกิดกับคนตั้งครรภ์ได้ไหมค่ะ อาการตกขาว

และประจำเดือนหนูควรมาช่วงวันที่เทาไหร่ค่ะ ถึงจะถือว่าปกติ

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

22 มกราคม 2558 13:59:30 #5

อาการต่างๆนี้น่าจะเป็นอาการที่เกิดในช่วงก่อนมีประจำเดือนนะครับ ซึ่งอาการต่างๆนี้ ไม่ได้สัมพันธ์กับการตั้งครรภ์นะครับ อาจมีหรือไม่ก็ได้ ส่วนเรื่องประจำเดือนนั้น หากไม่มีสาเหตุที่มารบกวนการตกไข่ ประจำเดือนก็จะมาช่วงเดิมๆ หรือ อาจคลาดเคลื่อนได้เล็กน้อย ส่วนมากก็ไม่เกิน 7 วันครับ