กระดานสุขภาพ

กินยาคุมฉุกเฉิน ประจำเดือนรอบต่อไปเลื่อนนานสุดกี่วัน
Anonymous

9 มกราคม 2558 03:41:34 #1

กินยาคุมฉุกเฉินหลังมีประจำเดือนนับจากวันที่ 6 ค่ะ หลังจากนั้นต่อมาอีก 7 วันก็มีเลือดออกแบบกระปริดกระปรอย 2 วัน ประจำเดือนรอบที่แล้วมาวันที่ 4 ค่ะ แต่เดือนนี้วันที่ 9 แล้ว ประจำเดือนยังไม่มาเลย เลยอยากทราบว่าถ้ากินยาคุมฉุกเฉินแล้วประจำเดือนควรเลื่อนนานสุดได้กี่วันคะ แล้วก่อนหน้านี้ก็มี พสพ กับแฟนแต่ใส่ถุงตลอดค่ะ

อายุ: 22 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 47 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.36 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

9 มกราคม 2558 03:47:32 #2

อันนี้แก้ไขนะคะ มีประจำเดือนวันที่ 4 มี พสพ กับแฟนวันที่ 9 แล้วกินยาวันที่ 10 ค่ะ หลังจากนั้น 7 วันก็มีเลือดออกแบบกระปริดกระปรอยค่ะ

Anonymous

9 มกราคม 2558 06:42:50 #3

แล้วตอนที่กินยาอ่ะค่ะ กินสองเม็ดพร้อมกันครั้งเดียวเลยค่ะ แล้วแบบนี้ยาจะมีประสิทธิภาพมั้ยคะ 

Anonymous

11 มกราคม 2558 10:14:08 #4

ตอนนี้ประจำเดือนมาแล้วค่ะ แต่มาน้อยกว่าปกติ แต่ไม่ได้มาแบบกระปริดประปรอยนะคะ แบบนี้มีโอกาสตั้งครรภ์มั้ยตะ

ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

12 มกราคม 2558 16:56:09 #5

เรียน คุณ 2d2d6,

การรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น ไม่ต้องสนใจว่าประจำเดือนมาแล้วกี่วันครับ โดยในทางการแพทย์จะใช้เพื่อไม่สามารถใช้วิธีการคุมกำเนิดตามปกติได้ เช่น เมื่อถุกข่มขืน หรือเมื่อถุงยางอนามัยฉีกขาด รั่ว แตก ไม่ใช้ในการคุมกำเนิดตามปกติ เนื่องจากว่ามีปริมาณฮอร์โมนค่อนข้างสูง คือ 1 กล่อง 1500 ไมโครกรัม เมือ่เทียบกับยาคุมกำเนิดปกติ มีเพียง 50-75 ไมโครกรัมต่อเม็ด และมีโอกาสเสี่ยงในการตั้งครรภ์ค่อนข้างสูง 8-15 % โดยกลไกในการออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์คือ

- ทำให้มูกที่ปากมดลูกมีปริมาณมากและข้นเหนียว เพื่อลดโอกาสในการที่อสุจิจะผ่านเข้าไปพบกับไข่

- ทำให้ท่อนำไข่บีบตัวน้อยหรือช้าลง ลดโอกาสที่ไข่จะมาพบกับอสุจิ

- ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกมีความหนาตัวมากขึ้น ลดโอกาสที่ตัวอ่อนจะมาฝังตัวและเจริญเติบโตต่อไปได้

วิธีการรับประทานยาที่ถูกต้องมี 2 แบบ คือ

1. รับประทานยาเม็ดแรกทันที แต่ไม่เกิน 72 ชั่วโมงหลังการมีเพศสัมพันธ์ และอีก 1 เม็ด หลังจากเม็ดแรก 12 ชั่วโมง วิธีนี้มีข้อดี คือ อาการคลื่นไส้อาเจียนค่อนข้างน้อย แต่มีข้อเสีย คือมักลืมรับประทานยาเม็ดที่สองหรือล่าช้าออกไป

2. รับประทานยาพร้อมกันสองเม็ดทันที ภายหลังจาการมีเพศสัมพันธ์ แต่ต้องไม่เกิน 72 ชั่วโมง ข้อดี คือ ไม่ต้องกังวลเรื่องการลืมรับประทานยา แต่มักมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนค่อนข้างมาก

จากกลไกการออกฤทธิ์ จะพบว่าหลังจากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ประมาณ 3-4 วัน จะมีเลือดออกกะปริบกะปรอย (อันนี้ไม่ใช่เลือดประจำเดือนตามปกติครับ จะเป็นเลือดจากการฉีกขาดของเยื่อบุโพรงมดลูกที่หนาตัวจากฤทธิ์ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน) ส่วนประจำเดือนตามปกตินั้น มักจะมาล่าช้ากว่าปกติ 5-7 วัน แต่ถ้าเกินจากนี้ไป เช่น 10-14 วัน แนะนำใหซื้อชุดอุปกรณ์ตรวจการตั้งครรภ์มาตรวจทดสอบเพิ่มเติมครับ จากข้อมูลยา ไม่ควรใช้เกิน 2 กล่องต่อเดือน เนื่องจากอาจเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูก ที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจากการตกเลือดในช่องท้องได้ แต่จากข้อมูลการศึกษาวิจัยพบว่า สตรีที่ได้รับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน มากเกินกว่า 3 ครั้ง ตลอดชีวิต มีความเสี่ยงสูงในการเกิดมะเร็งต่ออวัยวะต่าง ๆ มากกว่าสตรีที่ไม่เคยได้รับยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมาก่อน หรือสตรีที่ได้รับยาคุมกำเนิดปกติ เช่นมะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูก/รังไข่ หรือมะเร็งตับ ฯ ดังนั้นหากคุณแต่งงานแล้ว แนะนำให้ใช้ยาคุมกำเนิดปกติ หรือห่วงคุมกำเนิดนะครับ แต่ถ้ายังไม่ได้แต่งงานและไม่สะดวกในการรับประทานยาคุมกำเนิดปกติ วิธีที่ดีที่สุดคือการใช้ถุงยางอนามัย โดยควรเลือกขนาดที่เหมาะสม สวมอย่างถูกต้อง ไม่มีฟองอากาศด้านใน (จะทำให้ปริแตกง่าย) ใช้เจลหล่อลื่นสูตรน้ำเท่านั้น ซึ่งนอกจากช่วยคุมกำเนิดแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อีกด้วย รวมถึงลดโอกาสที่จะติดเชื้อเอชพีวี ที่เป็นสาเหตุกระตุ้นให้เกิดมะะเร็งปากมดลูกในเพศหญิง หรือ หูดหงอนไก่/มะเร็งองคชาติในเพศชาย

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล
แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่ การคุมกำเนิด (Contraception) แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา สูตินรีแพทย์