กระดานสุขภาพ
อัตราความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ และ เชื้อราในช่องคลอด | |
---|---|
3 มกราคม 2558 07:10:18 #1 สอบถามคุณหมอหน่อยคะ
Q1. อาการโดยทั่วคือ (๑)เมื่อมีมูกตกขาว(อมเขียว)ไหลออกมาจะมีกลิ่นคาวเล็กน้อย แต่ไม่รุนแรงมาก (๒)ไม่มีอาการคันใดๆเกิดขึ้น (๓)หลังมีเพศสัมพันธ์มักจะมีอาการแบบนี้ทุกครั้ง พฤติกรรมโดยทั่วไปพอสังเขป (๑)ไม่ได้สวนล่างช่องคลอด แต่นำน้ำสะอาดมาล้างด้านนอกปกติ (๒)หากช่วงใดมีเพศสัมพันธ์จะทำการล้างเป็นพิเศษ คือ มีการสวนล้างเข้าไปบ้าง หมายเหตุ : ล่าสุดได้มีการไปหาหมอสูตินรีเวชมาแล้วคะ ได้ยาเหน็บมา(จำชื่อตัวยาไม่ได้) ชนิดเหน็บก่อนนอน ให้เหน็บติดต่อกัน 6 วัน คุณหมอบอกว่าปากช่องคลอดอักเสบ มีตกขาว(ที่สีผิดปกติ)ออกมามากเกินปกติ เช็คดู(แบบไม่ส่องกล้อง)คุณหมอสันนิฐานว่า เป็นเชื้อรา และ มีเชื้อแบคทีเรียปนด้วย คำถามคือ (๑)สิ่งเหล่านี้เกิดจากสาเหตุใดคะ หรือเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ (๒)เชื้อราติดไปสู่คู่นอนของเราได้หรือไม่ (๓)สามารถใช้ยารักษาเกินกว่าคุณหมอบอกได้หรือไม่คะ หรือควรไปพบแพทย์อีกครั้ง(แต่คุณหมอไม่ได้ทำการนัด) (๔)มีสิทธิหายขาดได้หรือไม่ และต้องทำอย่างไรถึงจะหายขาดคะ ---------------------------------- Q2. อธิบายรอบเดือนก่อนนะคะ เดือนกันยายน : เริ่มมาวันที่ 21 รอบเดือนหมดวันที่ 26 เดือนตุลาคม: เริ่มมาวันที่ 20 รอบเดือนหมดวันที่ 25 เดือนพฤศจิกายน : เริ่มมาวันที่ 16 รอบเดือนหมดวันที่ 20 เดือนธันวาคม : เริ่มมาวันที่ 10 รอบเดือนหมดวันที่ 16 พฤติกรรมโดยทั่วไปพอสังเขปตอนมีเพศสัมพันธ์ คือ (๑)ใส่ถึงยางอนามัยทุกครั้ง (๒)มีเพศสัมพันธ์เดือนละครั้ง (๓)ไม่เคยหลั่งใน เหตุการ : มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดวันที่ 27 ธันวาคม 2557 และเกิดหลั่งในถุงยาง ในครั้งนี้เนื่องจากแฟนสังเกตุว่า น้ำอสุจิออกมาน้อยผิดปกติ จึงคาดการณ์ว่าถุงยางน่าจะรั่ว และอาจจะปนเปื้อนออกมาด้านนอกได้ จึงได้กินยาคุมฉุกเฉินเม็ดแรกทันทีหลังภายใน 30 นาที และเม็ดที่สอง ภายใน 12 ชั่วโมง(เป้ะ) แต่ตัวดิฉันมีอาการวิตกกังวล จึงได้กินยาคุมฉุกเฉินไปอีก 2 เม็ดพร้อมกันในวันที่ 29 ธันวาคม ไปอีกหนึ่งครั้ง
คำถาม คือ (๑) ดิฉันมีอาการปวดท้องน้อยในตอนกลางคืนช่วง 2 วันที่ผ่านมา(วันที่ 1 - 2 มกราคม) สิ่งนี้คืออาการผิดปกติหรือไม่ (๒) ดิฉันไม่มีเลือดออกหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉิน (๓) ดิฉันมีโอกาสตั้งครรภ์มากน้อยเพียงใด(ประจำเดือน เดือนมกราคมยังไม่มา) (๔) ดิฉันสามารถตรวจเลือดเพื่อเช็คการตั้งครรภ์ได้เมื่อใดคะ
ขอบคุณสำหรับคำตอบ และความรู้จากทาง เว็บไซต์ หาหมอ นะคะ :)
|
|
อายุ: 26 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 52 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.31 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์(สูติ-นรีแพทย์) |
4 มกราคม 2558 14:34:27 #2 อาการตกขาวหลังจากมีเพศสัมพันธ์เกิดจากการที่ช่องคลอดมีการสร้างสิ่งคัดหลั่งออกมาจากการเสียดสีในช่วงที่มีเพศสัมพันธ์ ถ้าไม่มีอาการคันหรือมีกลิ่นก็ไม่ต้องทำอะไร ให้ใช้ผ้าอนามัยแผ่นบางและเปลี่ยนทิ้งบ่อยๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำเติม แต่ถ้าตกขาวมีอาการคัน มีกลิ่นคาวอาจจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อก็ควรมาพบแพทย์เพื่อรับการรักษา การทำความสะอาดอวัยวะเพศไม่มีความจำเป็นต้องสวนล้างภายในช่องคลอด ทำความสะอาดภายนอกเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอ ส่วนคุณไปพบแพทย์มาได้รับการรักษาโดยการสอดยา 6 เม็ด เข้าใจว่าเป็นยากลุ่มโคลไทรมาโซล ซึ่งเป็นยาที่รักษาเชื้อรา สาเหตุของการติดเชื้อภายในช่องคลอดมักเกิดจากความอับชื้น การมีเพศสัมพันะ์และไม่ได้ลุกขึ้นทำความสะอาดทันที นอนหลับไปเลยก็จะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้เช่นกัน เพราะน้ำอสุจิจะมีน้ำตาลหรืออาหารชั้นดีของแบคทีเรีย จึงควรไปปัสสาวะทิ้งและล้างทำความสะอาดทันที การติดเชื้อในช่องคลอดสามารถถ่ายทอดไปสู่คู่นอนได้ เพราะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การรักษาเท่าที่แพทย์แนะนำก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้นก็สามารถไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาเพิ่มเติมได้ โรคที่เป็นสามารถหายขาดได้ถ้าไม่มีการรับเชื้อเพิ่มเติม ในกรณีที่มีการทานยาคุมแูกเฉินอย่างถูกวิธีไม่มีความจำเป็นต้องทานยาเพิ่มอีก 2 เม็ด เพราะไม่ได้ช่วยในการป้องกันการตั้งครรภ์แล้ว การทานยาคุมฉุกเฉินอาจจะทำให้มีเลือดออกผิดปกติหรือรอบเดือนมีความคลาดเคลื่อนออกไปได้ ส่วนอาการปวดท้องน้อยเป็นอาการที่ไม่เฉพาะเจาะจง อาจจะเกิดจากการบีบเกร็งของตัวมดลูกหรือลำไส้ก็ได้ โอกาสตั้งครรภ์น่าจะน้อยมากเพราะคุณมีการคุมกำเนิดอย่างถูกวิธี ส่วนการตรวจเลือดดูการตั้งครรภ์สามารถตรวจได้หลังมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 3 สัปดาห์ โดยในช่วงนี้ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์อีกค่ะ |
Anonymous