กระดานสุขภาพ

โรคเริม
Anonymous

9 พฤศจิกายน 2555 04:53:49 #1

อยากการของผมคือ

ก่อนจะเป็นจะรู้สึกปวดๆที่บริเวณ ก้น ระหว่างขาข้างซ้าย และบริเวณลูกอัณฑะ

หลังจากนั้น จะมีตุ่มใส่ที่ บริเวณหนังหุ้มอวัยวะเพศ(ด้านใน) บางทีก็เป็นบริเวณโคนอวัยวเพศ(ด้านนอก)

พอมันแตกจะกลายเป็นแผล แล้วจะค่อย ๆ หายไป บางทีถ้าตุ่มใส ๆ ไม่แตกก็หายไปเอง

(ช่วงที่เป็นจะเจ็บ ๆ บวด ๆ คับ)

อยากจะถามว่าถ้าเป็นโรคเริมที่อวัยวะเพศแล้ว ควรต้องทำไงบ้างคับ

แล้วถ้ามีเพศสัมพันธตอนที่ยังไม่เกิดอาการคู่นอนจะมีโอกาศติดด้วยมั้ยคับ

อายุ: 29 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 50 กก. ส่วนสูง: 174ซม. ดัชนีมวลกาย : 16.51 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

9 พฤศจิกายน 2555 05:35:54 #2

มันจะใช่โรคเริมมั้ยคับ

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

9 พฤศจิกายน 2555 09:43:23 #3

ลักษณะที่เล่ามาน่าจะเป็นเริมครับ เริมเป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด เกิดจาการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล เจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต

ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อเริม (ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่เรียกว่า เฮอร์ปีส์ Herpes simplex) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรงและหายเองได้ ต้องระวังการมีเพศสัมพันธ์ เพราะจะติดต่อได้ง่ายครับ

ในกรณีที่ไม่เป็นแผล พบว่าในสารคัดหลั่งบริเวณอวัยวะเพศอาจมีเชื้อเริมได้ จึงมีโอกาสติดต่อได้แต่ไม่มากเท่าตอนที่เป็นตุ่มน้ำหรือเป็นแผล คงต้องใช้ถุงยางอนามัยครับ

 

นพ.อนุพงศ์

Anonymous

10 พฤศจิกายน 2555 04:19:09 #4

ขอบคุณคับ

ผมขอรบกวนถามอีกนิดนะคับ ^ ^

ถ้าไม่กินยาแล้วปล่อยให้หายเองนาน ๆ ไปจะเป็นไรมั้ยคับ (ผมเป็นมานานแล้วคับ ไม่เคยพบแพทย์ ไม่เคยกินยา)

ผมควรที่จะต้องไปพบแพทย์มั้ยคับ แล้วมีทางที่จะรักษาให้หายขาดมั้ยคับ

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

12 พฤศจิกายน 2555 06:38:05 #5

โรคเริมสามารถหายเองได้ครับ โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นซ้ำๆ อาการจะไม่ค่อยรุนแรง เป็นตุ่มน้ำใสและเป็นแผล หายเองได้ใน 5-7 วัน

แต่โรคนี้ไม่หายขาดครับ ถ้าเป็นบ่อยมากเช่นเป็นทุกเดือน สามารถกินยาให้เป็นน้อยครั้งลง โดยกินยา aciclovir 200 หรือ 400 มิลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เช้าเย็น ติดต่อกันประมาณ 1 ปี จำทำให้เป็นน้อยครั้งลงได้ เรียกว่า suppressive treatment แต่ถ้าเป็นไม่บ่อยก็ไม่ต้องกินครับ ถ้าไม่แน่ใจก็พบแพทย์ได้เลยครับ

 

นพ.อนุพงศ์

Anonymous

12 พฤศจิกายน 2555 14:16:27 #6

ขอบคุณครับ

สงสัยผมคงต้องกินยาล่ะ ^ ^