เรียน คุณ662ac,

หากรับประทานยาได้อย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ ตัวยาสามารถออกฤทธิ์ยับยั้งไม่ให้มีไข่ตกได้ตั้งแต่รับประทานยาเม็ดแรก ในวันแรกที่มีประจำเดือน (หรือช้าสุดไม่เกินวันที่ 5 ของประจำเดือน) ได้ตั้งแต่ 24 ชั่วโมงแรกที่รับประทานยาครับ โดยโอกาสเสี่ยงในการตั้งครรภ์ จะน้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ครับ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรับประทานยาคุมกำเนิดปกติ เป็นข้อห้ามของการใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน เนื่องจากจะทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ ทำให้ไม่ทราบว่าเป็นสาเหตุของการตั้งครรภ์หรือผลจากฮอร์โมนในยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ซึ่งยาคุมกำเนิดฉุกเฉินนี้ ทางการแพทย์ใช้ต่อเมื่อผู้ป่วยถูกข่มขืน หรือ ถุงยางอนามัยฉีกขาด รั่วซึม โดยที่ไม่มีการคุมกำเนิดตามปกติ โดยยาคุมฯฉุกเฉินนี้ มีข้อห้ามใช้ ไม่ควรเกิน 2 กล่องต่อเดือน เนื่องจากจะทำให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากการตกเลือดในช่องท้อง เหตุจากการตั้งครรภ์นอกมดลูก แต่จากข้อมูลการศึกษาวิจัยย้อนหลังพบว่าสตรีที่ได้รับยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมีโอกาสเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาสูงกว่าสตรีทั่วไป หรือสตรีที่ได้รับยาคุมกำเนิดปกติ เช่น หลอดเลือดดำอุดตัน หลอดเลือดหัวใจอุดตันหรือเกิดมะเร็งต่ออวัยวะต่าง ๆสูงกว่า เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูก/รังไข่ หรือมะเร็งตับ ฯ เนื่องจากยาคุมกำเนิดฉุกเฉินนี้่จะประกอบด้วยฮอร์โมนขนาดสูงมาก (1500 ไมโครกรัม เทียบกับชนิดปกติ 50-75 ไมโครกรัม)

ดังนั้นหากเป็นช่วงที่คุณรับประทานยาคุมกำเนิดชนิดปกติอยู่แล้ว ก็ให้รับประทานยาต่อเนื่องไปตามปกติครับ ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินอีก

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

ขอแนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่ ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill) แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา สูตินรีแพทย์

ขอบคุณมากค่ะ อ่านแล้วเข้าใจง่ายดีค่ะ;)