19 ธันวาคม 2557 08:44:39 #1

สวัสดีครับคุณหมอ ปี 57 ที่ผ่านมา ต้นปีจู่ๆ ผมมีไข้สูงกินยาลดไข้ ยาออกฤทธิ์ ไข้ก็ลด แต่พอยาหมดฤทธิ์ ไข้กลับขึ้นมาเหมือนเดิม ผมไปหาหมอ หมอบอกว่าเป็นกรวยไตอักเสบ และให้ยาทางหลอดเลือด 3 วัน อาการก็หายครับ ต่อมากลางปีก็เป็นเหมือนเดิม และผมก็รักษาเหมือนเดิมอีก รู้สึกสงสัยว่าทำไมเป็นบ่อยผมเลยลองไปตรวจสุขภาพตัวเองดูที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งแถวๆเพชรเกษมดู ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ และล่าสุดเมื่อต้นเดือนธันวาก็เป็นอีกครับ ผมไปหาหมอที่โรงพยาบาลอีกครั้ง แต่ในครั้งก่อนๆ ไปประกันสังคม ครั้งนี้ไปโรงพยาบาลเอกชนใกล้ๆ แม่น้ำเจ้าพระยาครับ ซึ่งหมอก็วินิจฉัยว่าเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ อาการที่เป็นครั้งนี้ไม่ได้มีไข้สูงมากนักมีไข้อ่อนๆ และรู้สึกปวดหน่วงๆ บริเวณตั้งแต่ท้องน้อยลงมาถึงบริเวณอัณฑะ ซึ่งในตอนแรกก็คิดว่าเป็นโรคกระเพาหรือเปล่า เพราะผมเองเป็นโรคกระเพาอยู่ก่อน แต่กินยาแล้วก็ไม่หาย จึงไปหาหมอ หมอก็ได้นำปัสสาวะไปเพาะเชื่้อ ตรวจเลือด และ อัลตราซาวทั้งต่อมลูกหมากและไต ทั้งหมดก็ปกติดีครับ 

จนมาในช่วงก่อนวันนี้ประมาณ 1 สัปดา ผมรู้สึกปวดหน่วงๆ บริเวณท้องน้อย ลามลงไปถึงอัณฑะด้านขวา และสังเกตุดูเหมือนอัณฑะข้างซ้ายจะใหญ่กว่าข้างขวาที่ปวดอยู่ (อาการปวด ไม่ได้ปวดมากจนทนไม่ได้นะครับ)แต่ก็ปวดอยู่เกือบจะตลอดเวลาครับ ในเบื้องต้น เข้าใจว่าเป็นเพราะเราไม่ได้ใส่กางเกงใน(เนื่องจากปัจจุบันทำงานอยู่ที่บ้าน) จึงหันมาใส่กางเกงในตลอดเวลาครับ แรกๆ ก็ดีครับ แต่จน ณ วันนี้ก็ไม่ได้ช่วยให้อาการปวดหายไปครับ ขอโทษด้วยที่ร่ายยาวครับ คำถามที่จะขอความกรุณาจากคุณหมอครับ

1. จากอาการแล้ว มีลักษณะเข้าข่ายที่จะเป็นอะไรได้บ้างครับ

2. ผมควรต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลไหนดีครับ ถ้าเป็นไปได้อยากได้โรงพยาบาลรัฐที่มีคลีนิคพิเศษครับ และควรต้องไปแผนกไหนครับ ยอมรับเลยครับว่าอายหมอครับ 

3. จากที่ได้ไปหาหมอมาที่โรงพยาบาลแถบแม่น้ำเจ้าพระยามาล่าสุดเหลือการฉีดสีเท่านั้นที่ยังไม่ได้ทำการตรวจ ผมจำเป็นต้องทำมั้ยครับ

4. หากไม่ได้เป็นอาการหนักมาก หรือคนส่วนใหญ่ก็เป็นกัน มียา หรือ สมุนไพรหรืออาหารที่แนะนำหรือไม่ครับที่จะช่วยบรรเทาอาการครับ

ขอขอบพระคุณ คุณหมอมาครับ ที่เสียสละเวลาอ่านครับ

20 ธันวาคม 2557 14:57:18 #2