กระดานสุขภาพ

ช่วยตอบหน่อยนะคะหมอเครียดมากๆเลยคะ
Anonymous

5 ธันวาคม 2557 08:25:46 #1

มีไรกับแฟนวันที่17พย.คะหลั่งในถุงยางงคะก็ได้เอาถุงยางไปทิ้งแล้วก็ใช้น้ำล้างอวัยวะเพศแล้วก็มามีอะไรต่ออีกรอบนึงแต่ไม่ได้หลั่งนะคะแล้วก็รีบกินยาคุมฉุกเฉินเลยหลังจากนั้นวันที่2ธ.ค.ประจำเดือนก็มาแต่ไม่รู้ว่าใช่ประจำเดือนหรือป่าวแต่เดือนที่แล้วมาวันที่3ธ.ค.นะคะแต่เลือดที่ออกมามันแบบกระปริบกระปรอยเลือดสีออกน้ำตาลดำมีลิ่มออกมาด้วยมา3วันเองคือปกติประจำเดือนจะมาเยอะมากแล้วก็เหมือนจะหมดไปจะท้องไหมคะ

อายุ: 16 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 45 กก. ส่วนสูง: 154ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.97 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

6 ธันวาคม 2557 04:37:19 #2

เพิ่มเติมนะคะหลังจากนั้นมีก็มีเลือดสีน้ำตาลออกมาอะคะมันจะใช่ประจำเดือนไหมคะแต่มันน้อยมาก

Anonymous

7 ธันวาคม 2557 11:03:33 #3

ช่วยตอบหน่อยนะคะคุนหมอ

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

8 ธันวาคม 2557 19:13:06 #4

จากประวัติที่กล่าวมา หากเพศสัมพันธ์นั้น มีการสอดใส่อวัยวะเพศ แม้จะไม่ได้หลั่งด้านในก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้ครับ เนื่องจากในช่วงที่มีเพศสัมพันธ์จะมีอสุจิออกมากับสารคัดหลั่งที่ออกมาในช่วงนี้ แม้ปริมาณอสุจิจะน้อย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้ครับ ดังนั้นในการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกที่ไม่ได้ป้องกันนั้น มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์แน่นอนครับ ซึ่งการทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งหากอยู่ในช่วง 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ก็ควรทานยานี้นะครับ และ หากทานถูกต้อง ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพประมาณ 89 - 92 % ครับ หรือหากจะเข้าใจง่ายๆ คือ ทานยานี้ 10 คน จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 9 คนครับ ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ อย่างไรก็ตามก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยนะครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ และ หากประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปเกิน 2 สัปดาห์ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ