กระดานสุขภาพ

มีอะไรกับแฟน แต่ไม่เสร็จ จะท้องไหมครับ
Anonymous

28 พฤศจิกายน 2557 16:03:54 #1

คือว่า รอบประจำเดือนแฟนผม 

4 เดือนที่ผ่าน มา ทุกๆ 32 วันจะมา

ส่วนเดือน พฤศจิกานี้ รอบเดือนมาไวกว่า 2 วัน คือนับรอบเดือนได้ 30 วัน

แล้ว ผมใช้โปรแกรม คำนวณวันตกใข่ ใข่จะตกวันที่ 5-7 เดือน ธ.ค 2557

ผมมีอะไรกับแฟน วันนี้ วันที่ 28/11/2557 ก่อนมีเพศสัมพันธ์ผม มีการปัสวะ มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ใส่ถุงยาง

แต่ไม่มีการเสร็จ ผมมาช่วยตัวเองต่ออีก 5 นาที จะมีโอกาส ท้องมากน้อยแค่ไหนครับ ?

อายุ: 20 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 75 กก. ส่วนสูง: 172ซม. ดัชนีมวลกาย : 25.35 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

3 ธันวาคม 2557 15:52:01 #2

การคำนวณวันตกไข่นั้น จะใช้ได้แม่นยำในคนที่มีประจำเดือนสม่ำเสมอนะครับ ซึ่งการคำนวณจะต้องคำนวณจากระยะระหว่างรอบประจำเดือน โดยจะนับจากวันที่คาดว่าประจำเดือนจะมาย้อนไป 2 สัปดาห์ หรือ 14 วัน เช่น หากรอบเดือนประมาณ 30 วัน และวันที่คาดว่าประจำเดือนจะมาเป็นวันที่ 30 ดังนั้นวันที่ตกไข่ ก็จะเป็นวันที่ 16 เป็นต้น ซึ่งการมีเพศสัมพันธ์ก่อนหน้าและหลังวันนี้ 2 วัน จะเป็นช่วงที่มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้สูงครับ แต่ไม่ได้หมายความว่า ช่วงอื่นๆจะไม่ทำให้ตั้งครรภ์นะครับ และ หมอไม่แนะนำให้การนับวันตกไข่นี้ เพื่อมาป้องกันการตั้งครรภ์ ซึ่งปกติแล้วเราจะมาใช้เพื่อคาดเดาวันที่จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้มากๆในผู้ที่ต้องการมีบุตรมากกว่าครับ
ดังนั้น หมอคิดว่า ควรใช้วิธีที่ป้องกันก่อนมีเพศสัมพันธ์จะดีกว่านะครับ เช่น ถุงยางอนามัย หรือ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้น

ส่วนหากการมีเพศสัมพันธ์นั้น มีการสอดใส่อวัยวะเพศ แม้จะไม่ได้หลั่งด้านในก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้ครับ เนื่องจากในช่วงที่มีเพศสัมพันธ์จะมีอสุจิออกมากับสารคัดหลั่งที่ออกมาในช่วงนี้ แม้ปริมาณอสุจิจะน้อย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้ครับ ดังนั้นในการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกที่ไม่ได้ป้องกันนั้น มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์แน่นอนครับ แม้จะมาใส่ถุงยางอนามัยที่หลัง ซึ่งการทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งหากอยู่ในช่วง 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ก็ควรทานยานี้นะครับ และ หากทานถูกต้อง ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพประมาณ 89 - 92 % ครับ หรือหากจะเข้าใจง่ายๆ คือ ทานยานี้ 10 คน จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 9 คนครับ ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ อย่างไรก็ตามก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้ยนะครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ

สุดท้าย หมอขอแนะนำการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องสักนิดนะครับ ซึ่งมีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ