กระดานสุขภาพ

ยาคุมกำเนิดแบบ28เม็ดยี่ห้อไหนดี
Tpo*****o

24 ตุลาคม 2557 09:45:09 #1

อยากทราบว่ายาคุมยี่ห้อไหนดีที่สุดแบบ28เม็ดค่ะ

แล้วถ้ากินยาคุมแล้ว มีเพศสัมพันธ์ใส่ถุงยาง แล้วถุงยางเกิดรั่ว หรือขาด จะท้องไหม

ความปลอดภัยมีมากน้อยเพียงใดถ้าทานยาคุมแล้วใส่ถุงยางด้วยในเวลามีเพศสัมพันธ์

ทานยาคุมฉุกเฉินได้เดือนไม่เกิน กี่กล่องค่ะ

 

อายุ: 17 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 44 กก. ส่วนสูง: 155ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.31 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

25 ตุลาคม 2557 18:13:35 #2

เรียน คุณ tpo,

ขออนุญาตแยกตอบคำถามเป็นข้อๆนะครับ

1. ยี่ห้อไหนดีที่สุด - ตอบยากครับ เนื่องจากตัวยาดี แต่ไม่เหมาะสมกับร่างกายคุณก็เป็นได้ ต้องขึ้นกับว่าคุณมีฮอร์โมนประเภทไหนมาก ลักษณะทางกายภาพ บวกกับรูปแบบการมีประจำเดือน ดังคำกล่าวที่ว่า "ลางเนื้อ ชองลางยา" สิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนเริ่มต้นใช้ยาคือ คุณมีข้อห้ามใด ๆในการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทานหรือไม่ เช่น มีก้อนเนื้องอกที่เต้านม หรือมดลูกหรือรังไข่ มีโรคเกี่ยวกับหัวใจหรือภาวะหลอดเลือดอุดตัน ภาวะการทำงานของตับหรือไตเป็นปกติหรือไม่ โรคความดันโลหิตสูง หรือไมเกรนที่ไม่สามารถควบคุมได้ด้วยยา เป็นต้น

- การคัดเลือกยาที่เหมาะสมพิจารณาจากรูปร่างและรูปแบบการมีประจำเดือนร่วมด้วย เช่น

- ถ้ามีรูปร่าง อกเอว ค่อนข้างชัดเจน ผิวหนังเล็กละเอียด มีขนค่อนข้างน้อย ไม่ค่อยเป็นสิว ประจำเดือนปริมาณค่อนข้างมาก (ต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยวันละหลายครั้ง) หรือจำนวนวันมาก (5-7 วัน) แบบนี้จะมีเอสโตรเจนค่อนข้างเด่นชัด เหมาะกับยาคุมกำเนิดชนิดที่มีปริมาณโปรเจสโตรเจนสูง เพื่อปรับให้ฮอร์โมนเพศในร่างกายเข้าสู่สมดุล

- ถ้ามีรูปร่าง อกเอว ไม่ค่อยชัดเจน ค่อนข้างตรงคล้ายผู้ชาย ผิวค่อนข้างมัน เป็นสิวง่าย ขนดก ประจำเดือนปริมาณน้อย หรือ มาไม่กี่วันก็หมด แบบนี้แสดงว่าฮอร์โมนโปรเจสโตรเจนค่อนข้างสูงจะเหมาะกับยาคุมกำเนิดชนิดที่มีปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจน ค่อนข้างสูง เพื่อปรับให้ฮอร์โมนในร่างกายเข้าสู่สมดุล สังเกตจากปริมาณตัวยา estradiol

2. ถ้ารับประทานยาคุมกำเนิดแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ถุงยางอนามัยเพื่อช่วยคุมกำเนิดอีก เนืองจากยาคุมกำเนิดชนิดปกติ จะออกฤทธิ์ยับยั้งไม่ให้มีไข่ตกได้ตั้งแต่รับประทานยาเม็ดแรกครบ 24 ชั่วโมง แต่ต้องรับประทานยาเม็ดแรกภายในวันแรกที่มีประจำเดือน (หรือช้าสุดไม่เกินวันที่ 5 ของการมีประจำเดือน) ยกเว้นว่าคุณต้องการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย

3. ความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ ถ้าเป็นยาคุมกำเนิดปกติ ประมาณ 1-8 เปอร์เซ็นต์ ขึ้นกับว่าคุณรับประทานยาได้อย่างถูกต้องและสม่ำเสมอหรือไม่ ไปซื้อยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆมาใช้ร่วมกันจนเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา "ยาตีกัน" จนเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์หรือไม่ ส่วนถุงยางอนามัย อัตราเสี่ยงในการตั้งครรภ์พอ ๆกันกับการรับประทานยาคุมกำเนิด คือ 1-10 เปอร์เซ็นต์ โดยที่ต้องเลือกขนาดอย่างถูกต้อง (ไม่เล็กจนคับแน่น หรือใหญ่จนหลุดออกง่าย)
เวลาสวมถุงยางอนามัย ต้องบีบกะเปาะช่วงปลายที่เป็นส่วนเก็บน้ำอสุจิ ไม่ให้มีอากาศอยู่ มิฉะนั้นจะปริ แตก ฉีกขาดได้ง่าย

หากต้องการใช้น้ำยาหล่อลื่น ต้องเป็นเจลสูตรน้ำ ห้ามใช้ครีม โลชั่นหรือขี้ผึ้ง ซึ่งเป็นน้ำมันจะทำให้ถุงยางอนามัยฉีกขาดได้ง่าย

4. การรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ชื่อก็บอกอยู่แล้วนะครับว่าใช้เพื่อกรณีฉุกเฉิน จำเป็นเท่านั้น เช่นเมื่อถูกข่มขืน หรือ เมื่อถุงยางอนามัยฉีกขาด รั่วซึม

- กลไกการออกฤทธิ์ของยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน คือ

1. ทำให้มูกที่ปากมดลูกข้นเหนียว เพื่อลดโอกาสที่อสุจิจะผ่านเข้าไปผสมกับไข่

2. ทำให้ท่อนำไข่บีบตัวน้อยลงหรือช้าลง เพื่อลดโอกาสที่ไข่จะมาพบอสุจิ

3. ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัว จนตัวอ่อน (ถ้ามีการผสมของอสุจิกับไข่) มาฝังตัวได้ยาก

- อัตราเสี่ยงในการตั้งครรภ์ ประมาณ 8-15 เปอร์เซ็นต์

- จากข้อมูลบริษัทยา คือ ไม่ควรรับประทานเกิน 2 กล่องต่อเดือน เนื่องจากเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากการตั้งครรภ์นอกมดลูก (ตกเลือดในช่องท้องจนเสียชีวิต) แต่จากข้อมูลการศึกษาวิจัยพบว่า สตรีที่ได้รับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมากเกินกว่า " 3 ครั้ง ตลอดชีวิต" จะมีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งสูงหลายเท่ามากกว่าสตรีที่รับประทานยาคุมกำเนิดปกติ หรือสตรีที่ไม่เคยได้รับยาคุมกำเนิดมาก่อน เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูกหรือรังไข่ หรือมะเร็งตับ เนื่องจากยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมีปริมาณฮอร์โมนสูงกว่ายาคุมกำเนิดชนิดปกติ (1500 ไมโครกรัม เทียบกับ 50-75 ไมโครกรัม)

หากคุณยังไม่ได้แต่งงาน ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์เป็นประจำ การใช้วิธีสวมถุงยางอนามัยจะเหมาะสมกับคุณมากกว่า นอกจากช่วยคุมกำเนิดแล้ว ถุงยางอนามัยยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย เช่น หนองใน ซิฟิลิส แผลริมอ่อน พยาธิในช่องคลอด เริม หูดหงอนไก่ ไวรัสตับอักเสบ บี หรือซี หรือโชคร้ายสุดคือไวรัส เอชไอวี ที่ทำให้เกิดโรคเอดส์ที่ปัจจุบันยังไม่มีทางรักษา และยังช่วยป้องกันไวรัส เอชพีวี (HPV - human Papilloma Virus) ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิง และมะเร็งองคชาติในเพศชาย

 

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดีๆจากกองบรรณาธิการของเราที่

ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill)

การคุมกำเนิด (Contraception) 

โดย แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา สูตินรีแพทย์

Tpo*****o

27 ตุลาคม 2557 12:40:56 #3

เป็นคนรูปร่าง อกไม่ชัด เอวไม่ชัดเอวแค่23 ตัวเล็ก สูง150หนัก 43

สิวขึ้นบ่อยและสิวขึ้นง่ายมาก หน้ามัน ประจำเดือนมาครั้งละ 3-6 วัน มาในแต่ละวันแบบปกติมาไม่เยอะมากเท่าไหร่

แบบนี้มีลักษณะเอสโตรเจน แบบไหนค่ะ รบกวนตอบอีกทีค่ะคุณหมอ

ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

30 ตุลาคม 2557 08:54:39 #4

เรียน คุณ tpo,

ไม่สะดวกแนะนำยี่ห้อยานะครับ แนะนำปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรประจำร้านยา เพื่อคัดเลือกยาที่เหมาะสมให้กับคุณ
แต่อย่างที่แจ้ง คือเนื่องจากคุณยังไม่ได้แต่งงาน การสวมถุงยางอนามัยจะดีและเหมาะสมกับคุณมากกว่าครับ
เพื่อลดการได้รับฮอร์โมนในยาคุมกำเนิดเป็นเวลานานโดยไม่มีความจำเป็น

 

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล