กระดานสุขภาพ

ปจด. แฟนไม่มา
Anonymous

8 ตุลาคม 2557 15:27:31 #1

แฟนผมปจด.ไม่มาครับ เกิดจากอะไรครับ ในเดื่อน ส.ค. ปจด.มา 17-23 ส.ค.  แล้วมาเดือน ก.ย. ปจดแฟนผมยังไม่มาจนถึงวันนี้วันที่ 8 ต.ค. ตอนนี้แฟนผมก็กินยา สตรีเพ็ญภาค ตอนผมมีอะไรกับแฟนผมใส่ถุงยางตลอด แต่มียุวันนึงถุงยางหลุด แต่ผมยังไม่เสร็จ  ใน เดือน ก.ย.ที่ผ่านมา แล้วผมควรทำยังไงดีครับ แฟนผมจะมีโอกาสท้องไหมครับ รบกวนช่วยตอบด้วยนะครับคุณหมอ ผมกับแฟนเครียดมากๆเลยครับ  ผมกับแฟนยังไม่พร้อมที่จะมีบุตรตอนนี้ครับ ขอบพระคุณมากครับ

อายุ: 21 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 54 กก. ส่วนสูง: 163ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.32 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

10 ตุลาคม 2557 05:50:24 #2

หากในการมีเพศสัมพันธ์แล้วใช้ถุงยางอนามัยแล้วมีปัญหา การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินก็ถือว่าเป็นวิธีที่ดีในการป้องกันการตั้งครรภ์หลังจากมีเพศสัมพันธ์แล้ว ซึ่งการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน จะต้องทานภายใน 72 ชั่วโมงครับจึงจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันครับ ซึ่งจากเหตุการที่กล่าวมานั้น โอกาสค่อนข้างน้อยนะครับ แต่หากกังวลมากก็อาจตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะก็ได้ครับ ซึ่งหากตรวจการตั้งครรภ์ในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ถือว่าผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ หากผลเป็นเพียงขีดเดียว ก็ถือว่า ไม่ตั้งครรภ์ครับ

ส่วนในเรื่องประจำเดือนที่ผิดปกตินั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้ นอกเหนือจากการตั้งครรภ์ ก็มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องฮอร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด เป็นต้นครับ หากสาเหตุต่างๆนี้หายไปหรือดีขึ้น อาการประจำเดือนก็จะกลับมาปกติครับ

ส่วนการทานยาในกลุ่มที่กล่าวมานั้น ซึ่งตามความเห็นของหมอแล้ว ยาที่กล่าวมานั้นมีตัวยาเป็นยาที่มีประโยชน์ครับ แต่อาจมีส่วนผสมของสารที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนผู้หญิง (Phytoestogen) ซึ่งการควบคุมปริมาณของสารที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนที่ต้องการมารักษาอาการผิดปกตินั้น ทำได้ยากมาก ไม่สามารถทำให้คงที่ แน่นอนในแต่ละครั้งที่ทาน และยังมีความแตกต่างในด้านส่วนประกอบในแต่ละชนิดยาอีกด้วย ดังนั้น การที่จะนำมาเพื่อการรักษาอาการเลือดประจำเดือนผิดปกติ หรือ มาใช้เพื่อควบคุมปรับรอบประจำเดือนนั้น ยังอาจนำมาใช้ค่อนข้างยากลำบากครับ เนื่องจากมีผลต่อการตกไข่ ทำให้ไม่มีการตกไข่ ซึ่งมีผลต่อทำให้ไม่มีประจำเดือน หรือ ประจำเดือนเลื่อนออกไปได้ครับ และ อาจยังทำให้เลือดประจำเดือนมาผิดปกติได้ อาจมาปริมาณมาก กะปริดกะปรอยได้อีกด้วย ดังนั้น ในความเห็นของหมอ หมอคิดว่า ไม่ควรทานยาประเภทนี้เพื่อการรักษาเรื่องประจำเดือนผิดปกตินะครับ เพราะ นอกจากจะไม่รักษาที่สาเหตุแล้ว ยังอาจทำให้สับสนได้ว่าความผิดปกติที่เกิดขึ้นใหม่นั้น เกิดจากอะไร

ดังนั้น ในความคิดเห็นของหมอ หมอแนะนำให้หยุดยาที่กล่าวมาก่อนนะครับ และ ลองสังเกตอาการผิดปกติดู ตรวจการตั้งครรภ์ตามที่หมอกล่าวไป หากประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปนานเกิน 2 รอบประจำเดือนแล้ว มาไม่เป็นรอบ มาไม่สม่ำเสมอ หรือ มีกะปริดกะปรอยระหว่างรอบ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ