กระดานสุขภาพ

ประจำเดือนไม่มาเกิดจากสาเหตุอะไร
Anonymous

7 ตุลาคม 2557 11:35:03 #1

ประจำเดือนไม่มาเดือนกว่าๆแล้วค่ะ ครั้งล่าสุด มาวันที่ 29 สค แล้วมีเพศสัมพัน วันที่ 6 กย คือ เอาเข้านิดเดียวแล้วเอาออก แฟนไม่มีอสุจิหรือน้ำหล่อลื่นค่ะ หลังจากนั้น ก้มีเพศสัมพันอีก วันที่ 27 กย ค่ะ ใส่ถุงยาง และ หลั่งนอกค่ะ มีปันหาความเครียดเกี่ยวกับการเรียนและเครียดเรื่องประจำเดือนไม่มาด้วยค่ะ เลยทานยาสตรีไปหนึ่งขวดเล็ก แต่ประจำเดือนยังไม่มา อยากทราบว่าสาเหตุที่ประจำเดือนไม่มาเกิดจากอะไร และจะมีโอกาสท้องได้รึเปล่าคะ ช่วยตอบทีนะค้า T_T

อายุ: 19 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 44 กก. ส่วนสูง: 162ซม. ดัชนีมวลกาย : 16.77 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

10 ตุลาคม 2557 05:40:44 #2

ในกรณีแรกนั้น ในช่วงที่สอดใส่อวัยวะเพศ แม้สุดท้ายจะไม่ได้หลั่งด้านใน ก็จะมีอสุจิออกมาในช่วงนี้แม้ในปริมาณที่น้อยแต่ก็อาจทำให้ตั้งครรภ์ได้ แต่หากสอดใส่เพียงเล็กน้อยเช่นนี้ โอกาสต่ำมากๆ ดังนั้น หมอคิดว่า ไม่จำเป็นต้องทานยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนะครับ แต่ครั้งหน้า ควรป้องกันให้ดีกว่า นี้เช่น สวมถุงยางอนามัยก่อนสอดใส่อวัยวะเพศนะครับ ส่วนในกรณีหลังนี้ หากทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์มีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี สวมใส่ก่อนสอดใส่อวัยวะเพศทุกครั้ง ไม่ว่าจะหลั่งด้านนอกหรือด้านในก็ไม่ต้องกังวลเรื่องตั้งครรภ์ครับ

ส่วนในกรณีประจำเดือนที่ผิดปกตินั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้ นอกเหนือจากการตั้งครรภ์ ก็มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องฮอร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด เป็นต้นครับ ซึ่งหากตรวจการตั้งครรภ์ในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ถือว่าผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ หากผลเป็นเพียงขีดเดียว ก็ถือว่า ไม่ตั้งครรภ์ครับ

ส่วนการทานยาในกลุ่มที่กล่าวมานั้น ซึ่งตามความเห็นของหมอแล้ว ยาที่กล่าวมานั้นมีตัวยาเป็นยาที่มีประโยชน์ครับ แต่อาจมีส่วนผสมของสารที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนผู้หญิง (Phytoestogen) ซึ่งการควบคุมปริมาณของสารที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนที่ต้องการมารักษาอาการผิดปกตินั้น ทำได้ยากมาก ไม่สามารถทำให้คงที่ แน่นอนในแต่ละครั้งที่ทาน และยังมีความแตกต่างในด้านส่วนประกอบในแต่ละชนิดยาอีกด้วย ดังนั้น การที่จะนำมาเพื่อการรักษาอาการเลือดประจำเดือนผิดปกติ หรือ มาใช้เพื่อควบคุมปรับรอบประจำเดือนนั้น ยังอาจนำมาใช้ค่อนข้างยากลำบากครับ เนื่องจากมีผลต่อการตกไข่ ทำให้ไม่มีการตกไข่ ซึ่งมีผลต่อทำให้ไม่มีประจำเดือน หรือ ประจำเดือนเลื่อนออกไปได้ครับ และ อาจยังทำให้เลือดประจำเดือนมาผิดปกติได้ อาจมาปริมาณมาก กะปริดกะปรอยได้อีกด้วย ดังนั้น ในความเห็นของหมอ หมอคิดว่า ไม่ควรทานยาประเภทนี้เพื่อการรักษาเรื่องประจำเดือนผิดปกตินะครับ เพราะ นอกจากจะไม่รักษาที่สาเหตุแล้ว ยังอาจทำให้สับสนได้ว่าความผิดปกติที่เกิดขึ้นใหม่นั้น เกิดจากอะไร

ดังนั้น ในความคิดเห็นของหมอ หมอแนะนำให้หยุดยาที่กล่าวมาก่อนนะครับ และ ลองสังเกตอาการผิดปกติดู หากประจำเดือนมาไม่เป็นรอบ ไม่สม่ำเสมอ กะปริดกะปรอยอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ