กระดานสุขภาพ

การให้ประสิทธิภาพยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน
Anonymous

14 กันยายน 2557 14:55:11 #1

อยากทราบว่า  มีอะไรกับแฟนแล้วอสุจิโดนข้างนอกโดน ตรงช่องคลอดข้างนอก อี 30 นาทีกินยาคุมฉุกเฉิน เม็ดแรกไป  อีก 10 นาทีกินเม็ด 2 เข้าไป  หลังจากกินยาไป  1 แฟนบอกเหมือนประจำเดือนจะมา แต่ยังไม่มาอีก  เห็นเขาบอกว่ากินพร้อมกัน 2 เม็ดได้  แล้วจะมีโอกาศท้องไหม

อายุ: 22 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 72 กก. ส่วนสูง: 174ซม. ดัชนีมวลกาย : 23.78 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Haamor Admin

(Admin)

15 กันยายน 2557 04:19:09 #2

ถึง คุณ e09cf

เนื่องจากเว็บไซต์เป็นที่สาธารณะ ดังนั้นเพื่อให้ข้อมูลเป็นเรื่องส่วนบุคคลมากที่สุด ทางทีมงานจึงทำการซ่อนชื่อจริงของผู้ถามให้นะคะ โดยคุณ e09cf ยังสามารถติดตามคำตอบคุณหมอได้ที่กระทู้นี้ค่ะ

และหากครั้งต่อไปคุณ e09cf ต้องการปกปิดชื่อตนเอง สามารถเลือก "ไม่แสดงภาพและชื่อของผู้โพส" ทางด้านขวาเวลาตั้งกระทู้คำถามใหม่ค่ะ

ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

16 กันยายน 2557 15:00:33 #3

เรียน คุณ e09cf,

ขออนุญาตตอบคำถามเฉพาะเรื่องการับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ต้องรับประทานยาภายใน 72 ชั่วโมงที่มีเพศสัมพันธ์ และหากมีเพศสัมพันธ์ภายหลังจากรับประทานยาชุดแรกครบไปแล้วต้องรับประทานยาชุดใหม่เพิ่มอีก มีวิธีการรับประทานยาได้ 2 แบบ คือ

1. รับประทานยาเม็ดแรกทันที แต่ไม่เกิน 72 ชั่วโมงของการมีเพศสัมพันธ์ จากนั้นอีก 12 ชั่วโมง รับประทานยาอีก 1 เม็ด วิธีนี้มีข้อดีคือ ช่วยลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน จากการรับประทานยาที่มีฮอร์โมนสูงพร้อมกัน แต่มีข้อเสีย คือ อาจลืมรับประทานยาได้

2. รับประทานยาพร้อมกัน 2 เม็ดครั้งเดียว วิธีนี้ จะดีตรงที่ไม่ต้องกลัวลืมรับประทานยา แต่มีข้อเสียคือ อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดมวนท้อง มากกว่าวิธีแรก

การรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมีอัตราเสี่ยงในการตั้งครรภ์สูงกว่าชนิดปกติ โดยที่มีอัตราเสี่ยงที่ 8-10 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะเวลากว่าที่จะรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน การลืมรับประทานยา เวลาตรงกับช่วงที่มีไข่ตกหรือไม่ หากยังไม่ได้แต่งงาน และต้องการคุมกำเนิด วิธีที่เหมาะสมที่แนะนำคือการใช้ถุงยางอนามัย โดยที่นอกจากคุมกำเนิดแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย เช่น หนองใน ซิฟิลิส แผลริมอ่อน พยาธิในช่องคลอด ไวรัสตับอักเสบ บี หรือ ซี หรือร้ายสุดคือ เอดส์ที่ยังไม่มียารักษา และยังช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัส เอชพีวี (HPV : human papilloma virus) ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกในฝ่ายหญิง และหูดหงอนไก่ หรือ มะเร็งองคชาติ ในเพศชาย การรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ใช้เมื่อเกิดเหตุสุดวิสัยเท่านั้น ได้แก่ เมื่อถูกข่มขืน หรือถุงยางอนามัย ฉีกขาด รั่วซึม ซึ่งพบยาก หากเก็บและสวมใส่อย่างถูกต้อง

จากข้อมูลยา คือไม่ควรรับประทานเกินกว่า 2 ครั้ง ต่อเดือน เนื่องจากมีโอกาสที่จะเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูก ที่พบบ่อยคือที่ปีกมดลูกหรือท่อนำไข่ เมื่อเกิดการฉีกขาด จะเกิดการตกเลือดภายในช่องท้อง จนเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้
แต่จากข้อมูลการศึกษาย้อนหลัง พบว่าสตรีที่ได้รับยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน มากเกินกว่า "3 ครั้ง ตลอดชีวิต" จะมีอัตราเสี่ยงสูงในการเกิดมะเร็งต่อวัยวะต่าง ๆหลายเท่า มากกว่าสตรีที่ไม่เคยได้รับยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมาก่อน ที่พบบ่อย เช่น มะเร็งเต้านม มดลูกหรือรังไข่ รวมถึงมะเร็งตับ

การรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะทำให้เยื่อบุผนังมดลูกหนาตัว เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวอ่อนมาฝังตัวได้ แต่ก็จะฉีกขาดยาก ทำให้ประจำเดือนอาจมาล่าช้ากว่าปกติ 5-7 วัน หรืออาจมาน้อยกว่าปกติ แต่จะมีอาการปวดมวนท้องมากกว่า เนื่องจากร่างกายพยายามให้มดลูกบีบตัว กำจัดเนื้อเยื่อออกมาเป็นประจำเดือนตามปกติ ดังนั้นหากมั่นใจว่ารับประทานยาได้อย่างถูกต้อง หรือไม่มีการอาเจียนยาออกมา ให้รอจนถึงกำหนด หากเกินกว่า 7-10 วัน ยังไม่มีประจำเดือน แนะนำให้ซื้อชุดตรวจการตั้งครรภ์มาตรวจ เพื่อเพิ่มความมั่นใจครับ

 

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่

ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill) โดย แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา สูตินรีแพทย์