กระดานสุขภาพ

อาการอย่างนี้ท้องมั้ยคะ ตอบหน่อยนะคะเครียดมาก
Anonymous

3 กันยายน 2557 09:02:28 #1

หนูมีประจำเดือนครั้งสุดท้ายประมาณ 20ก.ค.57 จนวันนี้2 กย. 57 ประจำเดือนหนูยังไม่มาเลยค่ะ แต่ก่อนหน้านี้วันที่ 16 สค. 57 หนูมีเลือดเหมือนจะมีประจำเดือนนะคะแล้วพอวันที่ 17 สค. 57 ก็ไม่มีเลยค่ะ ตอนแรกหนูไม่กังวลอะไรพราะประจำเดือนหนูเดือนแรกมาปกติอีกเดือนจะมีเลือดออกวันแรกแล้วหายไป1อาทิตย์แล้วมีปกติ เป็นแบบนี้เดือนเว้นเดือนมาต้นแต่ต้นปี 57แล้วค่ะ ก่อนหน้านี้หนูเพศสัมพันธ์กับแฟนช่วงประมาณ 27 กค. 57 - 9 สค. 57 แต่วันไหนหนูจำไม่ได้ค่ะ ซึ่งป้องกันตลอดคือใช้ถุงยาง และก่อนหน้านี้เคยกินยาคุมฉุกเฉินหลายครั้งเลิกกินตั้นแต่ช่วงเดือนมีนาคม 57 นี้แระค่ะ อีกอย่างในช่วงอาทิตย์นี้หนูเหมือนมีตกขาวสีน้ำตาลหรือเป็นเลือดหนูก็ไม่แน่ใจค่ะ เพราะมันมีเล็กน้อย แต่ถ้าดมใกล้ๆมันมีกลิ่นค่ะ หนูจะท้องมั้ยคะ ตอนนี้ยังไม่ได้ซื้อที่ตรวจปัสสาวะมาตรวจเลยค่ะ หนูกลัวมากๆช่วยหน่อยนะคะ

ปล. ช่วงต้นเดือนสิงหาคมหนูซื้ออาหารเสริมที่ช่วยในเรื่องขับถ่ายมากินด้วย แต่ไม่แน่ใจว่าส่งผลมั้ย อีกอย่างคือหนูกินยาลดหน้ามันร่วมด้วยค่ะ ซึ่งคุณหมอที่ดูแลให้เปลี่ยนยาลดหน้ามันตัวใหม่มากินประมาณ 3 อาทิตย์ที่แล้วค่ะ

อายุ: 22 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 49 กก. ส่วนสูง: 158ซม. ดัชนีมวลกาย : 19.63 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

5 กันยายน 2557 09:49:27 #2

หากทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์มีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี สวมใส่ก่อนสอดใส่อวัยวะเพศทุกครั้ง ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องตั้งครรภ์ครับ ส่วนการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินก็ถือว่าเป็นวิธีที่ดีในการป้องกันการตั้งครรภ์หลังจากมีเพศสัมพันธ์ครับ แต่ไม่ควรใช้บ่อยนะครับ ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน จะมีตัวยาที่เป็นฮอร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ ซึ่งการทานยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์หลังการมีเพศสัมพันธ์ได้ครับ ซึ่งจะมีประสิทธิภาพประมาณ 89 - 92 % ครับ หรือหากจะเข้าใจง่ายๆ คือ ทานยานี้ 10 คน จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 9 คนครับ

ส่วนเรื่องประจำเดือนที่ยังไม่มาหรือมาไม่ตรงรอบนั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องฮอร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด เป็นต้นครับ หากสาเหตุต่างๆนี้หายไปหรือดีขึ้น อาการประจำเดือนก็จะกลับมาปกติ แต่หากไม่ได้มีสาเหตุอย่างที่หมอกล่าวไป และอาการกะปริดกะปรอยไม่ดีขึ้น มาไม่เป็นรอบก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ อย่างไรก็ตาม หากกังวลเรืองการตั้งครรภ์ก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ก็ได้นะครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ

ส่วนในเรื่องตกขาวนั้น จากลักษณะดังกล่าวมีลักษณะสีขาวเหลือง คล้ายทิชชู่เปียกหรือ นมโยเกิร์ตร่วมด้วย และ มีอาการคันเป็นหลักนั้น จะเป็นอาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดครับ และในบางท่านอาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้ ส่วนหากมีลักษณะกลิ่นเหม็น หรือ คันมาก ตกขาวเป็นสีเขียวเหลืองจะเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดนะครับ ดังนั้น หมอแนะนำหากตกขาวยังคงผิดปกติอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายใน หาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ

สุดท้ายหมอขอฝากเรื่องการคุมกำเนิดสักนิดนะครับ การทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินบ่อยๆ หรือ เป็นกิจวัตรนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำเนื่องจาก ผลข้างเคียงของยาแล้ว ยังมีผลทำให้การป้องกันมีประสิทธิภาพน้อยลง เลือดประจำเดือนมาไม่เป็นรอบ กะปริดกะปรอย เป็นต้นครับ ควรคุมกำเนิดด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพดีกว่านี้ เช่น ยาคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้น และก็ไม่ต้องมากังวลเรื่องตั้งครรภ์อีกด้วยครับ ด้วยความเป็นห่วง