กระดานสุขภาพ

ประจำเดือนขาด
Lady*****y

26 สิงหาคม 2557 07:44:35 #1

ในเดือนพฤษภา กับเดือนมิถุนา ที่ผ่านมาประจำเดือนมาตรงวันที่ 28 เพราะทานยาสตรีแบบแคปซูลล่วงหน้าประมาณ 4-5 วันก่อนมีรอบเดือน (เดือนอื่นๆมาไม่เคยตรง ประจำเดือนมา 2 ครั้ง/เดือนบ้าง มาช้าบ้าง)

วันที่ 19 กรกฎาที่ผ่านมา ดิฉันมีอะไรกับแฟนครั้งเดียวค่ะ แต่ป้องกันโดยสวมถุงยาง เมื่อถึงวันที่ 28 กรกฎา ประจำเดือนก็ดันไม่มาซะงั้น รอจนถึงวันที่ 4 สิงหาก็ยังไม่มาเลยตัดสินใจกินยาสตรีเพ็ญภาคไป 

วันที่ 9 สิงหาเลยตัดสินใจซื้อที่ตรวจปัสสาวะ ปรากฎขึ้น 1 ขีด รอจนวันที่ 13 สิงหา ก็ซื้อมาตรวจอีกรอบโดยตรวจปัสสาวะแรกของตอนเช้า ปรากฎขึ้น 1 ขีด ตอนเย็นเลยตัดสินใจไปพบหมอสูติ หมอซักประวัติแล้วให้ยา primolute N  20 เม็ด ทานวันละ 2 ครั้ง 

วันที่ 20 สิงหา ดิฉันตรวจปัสสาวะอีกครั้งในตอนเช้า ก็ยังปรากฎ 1 ขีดเหมือนเดิม  ทานยาติดต่อกันจนยาหมดวันที่ 24 กันยา ตอนนี้ประจำเดือนก็ยังไม่มาค่ะ ผ่านมา 3 วันแล้ว จะเป็นเพราะตั้งครรภ์หรือเปล่าค่ะ

อายุ: 23 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 45 กก. ส่วนสูง: 159ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.80 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

30 สิงหาคม 2557 03:00:12 #2

จากประวัติทั้งหมดนั้น ในเรื่องของการตั้งครรภ์นั้น หากทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์มีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี สวมใส่ก่อนสอดใส่อวัยวะเพศทุกครั้ง ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องตั้งครรภ์ครับ ส่วนในเรื่องประจำเดือนที่ผิดปกตินั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้ นอกเหนือจากการตั้งครรภ์ ก็มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องฮอร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด เป็นต้นครับ ซึ่งหากตรวจการตั้งครรภ์ในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ถือว่าผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ หากผลเป็นเพียงขีดเดียว ก็ถือว่า ไม่ตั้งครรภ์ครับ

ส่วนการทานยาในกลุ่มที่กล่าวมานั้น ซึ่งตามความเห็นของหมอแล้ว ยาที่กล่าวมานั้นมีตัวยาเป็นยาที่มีประโยชน์ครับ แต่อาจมีส่วนผสมของสารที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนผู้หญิง (Phytoestogen) ซึ่งการควบคุมปริมาณของสารที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนที่ต้องการมารักษาอาการผิดปกตินั้น ทำได้ยากมาก ไม่สามารถทำให้คงที่ แน่นอนในแต่ละครั้งที่ทาน และยังมีความแตกต่างในด้านส่วนประกอบในแต่ละชนิดยาอีกด้วย ดังนั้น การที่จะนำมาเพื่อการรักษาอาการเลือดประจำเดือนผิดปกติ หรือ มาใช้เพื่อควบคุมปรับรอบประจำเดือนนั้น ยังอาจนำมาใช้ค่อนข้างยากลำบากครับ เนื่องจากมีผลต่อการตกไข่ ทำให้ไม่มีการตกไข่ ซึ่งมีผลต่อทำให้ไม่มีประจำเดือน หรือ ประจำเดือนเลื่อนออกไปได้ครับ และ อาจยังทำให้เลือดประจำเดือนมาผิดปกติได้ อาจมาปริมาณมาก กะปริดกะปรอยได้อีกด้วย ดังนั้น ในความเห็นของหมอ หมอคิดว่า ไม่ควรทานยาประเภทนี้เพื่อการรักษาเรื่องประจำเดือนผิดปกตินะครับ เพราะ นอกจากจะไม่รักษาที่สาเหตุแล้ว ยังอาจทำให้สับสนได้ว่าความผิดปกติที่เกิดขึ้นใหม่นั้น เกิดจากอะไร

ดังนั้น ในความคิดเห็นของหมอ หมอแนะนำให้หยุดยาที่กล่าวมาก่อนนะครับ และ ลองสังเกตอาการผิดปกติดู หากประจำเดือนมาไม่เป็นรอบ ไม่สม่ำเสมอ กะปริดกะปรอยอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ