รบกวนเอาชื่อออกให้ด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

ถึง คุณ 59b0b

ทางทีมงานได้ทำการซ่อนชื่อของคุณ 59b0b เรียบร้อยค่ะ

การติดเชื้อราบ่อยๆ มักมีสาเหตุมาจากการดูแลอนามัยในช่องคลอดไม่ถูกวิธี มีความอับชื้นตลอดเวลา เพราะเชื้อราจะชอบความอับชื้นและเจริญเติบโตได้ดีในที่ชื้นแฉะ โดยทั่วไปสตรีจะมีสิ่งคัดหลั่งมากในช่วงก่อน หลังมีประจำเดือน และช่วงกลางรอบเดือน ดังนั้น จะต้องใช้ผ้าอนามัยแผ่นบางแล้วเปลี่ยนทิ้งบ่อยๆ ทุก 2-3 ชั่วโมง เพื่อหลีกเลี่ยงความอับชื้น อย่าใส่กางเกงที่ชื้นแฉะทั้งวัน ในกรณีที่เป็นซ้ำบ่อยควรรักษาคู่นอนด้วย แม้ว่าจะคุมกำเนิดโดยการสวมถุงยางอนามัยก็ตาม ก็ต้องรักษาโดยการให้คู่นอนรับประทานยาต้านเชื้อรา ส่วนคุณจะต้องสอดยาร่วมด้วย และยาสอดที่ใช้ควรเป้นชนิด 6 คืน ไม่ใช่เม็ดเดียวเพราะจะมีโอกาสกลับเป็นซ้ำสูงมาก เนื่องจากเชื้อรามีการเพิ่มปริมาณหรือแตกออกมาจากสปอร์ภายหลังได้ถ้าเหน็บเพียง 1 เม็ดอาจจะไม่เพียงพอ ถ้าดูแลตนเองเป็นอย่างดีแล้วยังไม่ดีขึ้น ควรตรวจเลือดดูเรื่องของเบาหวานด้วยค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ เเล้วที่บอกว่าถ้าเป็นเชื้อราไม่หาย คืออาจเป็นโรคเอดส์ได้ ถ้าติดเชื้อจริงๆ จะเป็นเชื้อราได้ง่ายหรอค่ะ เเล้วถ้าเป็นเบาหวานจะมีอาการอย่างไรค่ะ รบกวนด้วยค่ะ

เชื้อราไม่ได้ทำให้เกิดโรคเอดส์ โรดเอดส์เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HIV ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อ การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน หรือการได้รับเลือดจากผู้อื่นที่มีเชื้อนี้อยู่ เมื่อมีการติดเชื้อ HIV จะทำให้ภูมิต้านทานร่างกายลดต่ำลง และมีการติดเชื้ออื่นๆ ได้ง่ายขึ้น เช่น เชื้อรา ปรสิตบางตัว หรือเริม เป็นต้น ถ้าเป็นเบาหวานจะมีน้ำหนักตัวลดลง กระหายน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย สามารถตรวจพบโดยการงดน้ำอาหาร 6 ชั่วโมงแล้วไปตรวจเลือดดูระดับน้ำตาลในปัสสาวะค่ะ

ค่ะ เเล้วถ้าติดเชื้อ hiv เเล้ว จะมีอาการเป็นเชื้อราเลยหรือเปล่าค่ะ หรือติดเชือหลายๆปีเเล้วถึงมีการติดเชือราบ่อยๆค่ะ รบกกวนด้วยค่ะคุณหมอ

ถ้าเป็นโรคเอดส์จะทำให้ภูมิต้านทานในร่างกายลดต่ำลงและมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่างๆ ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเชื้อฉวยโอกาสเช่น เชื้อรา ซึ่งจะพบได้ง่ายรอบๆ ตัวเรา ดังนั้น จะเห็นว่าผู้ที่เป็นโรคเอดส์จะมีการติดเชื้อราตามที่ต่างๆ เช่น ปอด สมอง ปาก ในช่องคลอด ได้ง่ายขึ้นค่ะ